18 November 2006

ได้ตื่นสาย


วันนี้ได้นอนแบบเต็มๆอีกละ ชอบมากวันเสาร์เนี่ย ก็เดี๋ยวจะ
ออกไปนิวิแคน จะไปซื้อลูกชิ้นว่าพรุ่งนี้จะทำก๋วยเตี๋ยว แล้วคง
จะเลยไปเทศกาลหนังสือที่จัดที่นี่เหมือนกัน แต่ต้องหาดูว่าส่วน
ไหนของเมือง คงไม่ใหญ่โตเท่าที่ยูเทรคหรอกมั้งเพราะ
เมืองนี้ ก็เล็กๆ

อาทิตย์ที่ผ่านมางายเยอะมาก ก็ทำเอาเหนื่อยหน่ายไปทั้งอาทิตย์
ไม่รู้อาทิตย์หน้านี้จะเป็นงัย ก็ขอให้ไม่ยุ่งมาก อากาศก็ค่อนข้างดี
แสงแดดส่องทำให้ท้องฟ้าสดใส แต่เห็นดูพยากรณ์อากาศของ
อาทิตย์หน้าแล้วเหนื่อยใจสงสัยฝนจะตกทั้งอาทิตย์ น่าเบื่อมากเลย
นะเนี่ยอากาศแย่ ตอนนี้ใบไม้ก็ล่วงเกือบหมดแล้ว ปีนี้ล่วงช้าเพราะ
อากาศร้อนครอบคลุมนานทำให้ต้นไม้ไม่ยอมสละใบ ขนาดตอนนี้
ดอกไม้ที่ปลูกไว้เมื่อต้นหน้าร้อนยังมีดอกบานอยู่เลย เหลือเชื่อเพราะ
นี่ก็อาทิคย์ที่สามของเดือนพฤศจิละ
ขี้เกียจละวันนี้ ไปดีกว่า

10 November 2006

สองเงาในเกาหลี


ตอนอยู่เมืองไทย ตัดสินใจซื้อหนังสือกลับมาอ่าน เสียดาย
ซื้อมาแค่เล่มเดียว เลยเซ็งเลยย้อนเวลากลับไปก็ไม่ได้
ดังนั้นเล่มเดียวที่มีอยู่นี้จึงเก็บเอามาอ่านอย่างทนุถนอม
อ่านแบบไม่เร่งรีบ ไม่ใช่ว่าหนังสือไม่ดี
เพราะมันดีเลยไม่อยาก อ่านจบเร็ว

Photobucket - Video and Image Hosting

สองเงาในเกาหลี อ่านแล้วทำให้อยากไปเกาหลี
มากขึ้นเหมือนกัน ก่อนหน้านี้จะหาหยิบอ่านแต่หนังสือเกี่ยวกับ
ยุโรปเท่านั้น แต่ตอนกลับไปเมืองไทยคราวก่อน กลิ่นไอเกาหลี
ปกคลุมไปทั่วไทย โดยเฉพาะจากสื่อภาพยนต์-ละคร เราเองก็
ไม่ได้ดูมากนัก แต่ก็รู้ถึงความนิยม ไหนๆก็ฮิตละลองซื้อมาอ่าน
สักเล่มนึง ปรากฎดีกว่าที่คาดคิดไว้
แม้จะอ่านได้ไปเพียงแค่ครึ่ง เล่ม

ทรงกลด บางยี่ขัน ไม่เคยได้อ่านหนังสือเล่มก่อนของเขาเลย
แต่ดูเหมือนสำนวนการเขียนจะเป็นแบบที่เราชอบสะด้วย มีการ
เล่นคำ และการใส่อารมย์ ความรู้สึกนึกคิด และการเปรียบเทียบ
เนื้อความในหนังสือไม่ได้เน้นถึงประวัติความเป็นมาของสถานที่
ที่ผู้เขียนได้ไปพบประสบเจอ แต่ผู้เขียนได้เอาสิ่งที่ได้พบเห็น
มาบรรยายเหมือนกับการเขียนบันทึกประจำวันสะมากกว่า ทำให้
อ่านง่าย เกิดความเพลิดเพลิน ผู้เขียนอธิบายถึงความรู้สึกต่อ
สิ่งรอบข้างได้ดีจนทำให้คนอ่านมีความรู้สึกเหมือนอยู่ในที่ที่นั้นด้วย

การเดินทางของนักเขียนไปสู่เกาหลีคนเดียวในช่วงฤดูหนาว
และได้พบปะคนไทยที่ไปคนเดียวเหมือนกัน และเธอคนนั้นก็
กลายมาเป็นเพื่อนร่วมทางโดยไม่ได้เจตนา ก็ยังไม่รู้ว่าเรื่องราวจะ
เป็นยังงัยต่อไปสำหรับหนังสือเล่มนี้
อ่านจบอาจมาได้สาธยายให้ฟังอีกนะ
...................................

ในที่สุดสัปดาห์ก็มาถึง เราก็ยังดีใจเหมือนเดิมที่จะได้หลับนานขึ้น
หลังจากที่ต้องทนแหกขึ้ตา หน้าหนาวไปทำงาน เบื่อจริงเลยนี้
วันนี้ก็ยุ่งรีบเคลียร์งาน สุดท้ายก็เหลือเราคนเดียวจนห้าโมงเย็น
แต่ก็ชอบนะทำงานวันศุกร์เนี่ย เพราะคนน้อย จริงๆแล้วคนเยอะก็
ไม่เป็นไร เพียงแค่ไม่มีเจ็บ้าพลัง คนนึงคนเดียวก็พอ
เจ็บ้าพลัง ใครเหรอ คงสงสัย ก็พอดีในกลุ่มมีพนักงานประจำคนนึง
ที่บ้าอำนาจ ชอบออกคำสั่ง สั่งงานคนโน้น คนนี้ที โดยเฉพาะพนักงาน
ชั่วคราว ส่วนตัวเองก็แต็ด ตะแล็ด ไปคุย กับคนอื่น เธอคนนึ้จะมีสาย
ตาดุจพยาเหยี่ยว หากเราหยุดจับปากกา หันคุยกันหน่อย เจ็แกจะรีบ
มาถามเลยว่า ไม่มีงานแล้วเหรอ ก็มีบ้าอยู่คนเดียวและทั้งชั้นที่ทำงาน
พนักงานชั่วคราวกลุ่มที่อยู่ติดกันก็โดนหางเลขเข้าไปด้วย เธอคนนี้
จะชอบใช้สิทธิ์สนิทกับหัวหน้า เพื่อจะเอาหน้าเขาหาตัวเอง ชอบว่า
คนต่อหน้า แบบให้คนถูกว่าอายมุดเข้าส้วมไม่ทัน
พอดีวันนี้เจ้บ้าพลังไม่มา เราก็เลยโล่งอก ไม่มีคนมาสั่งให้ทำโน่น
ทำนี่ เบื่อจริงพวกชอบออกคำสั่ง และบ้าพลังด้วยเนี่ย
..............................................
พรุ่งนี้อาจจะไปตลาดสดที่ยูเทรค อยากทำซุชิกินเหมือนกัน แต่ก็
ต้องดูอารมย์บวกปริมาณความขี้เกียจที่มี แล้วคงจะตัดสินใจอีกที
วันพรุ่งนี้ คืนนี้จะได้นอนนานขึ้นละ ดีใจจัง ไปละวันนี้
.................................................

05 November 2006

เวปไซด์ (เก่า) กับ เพื่อน (เก่า) และ สนามบิน (ใหม่)


เพิ่งกลับไปเปิดดูเวปไซด์ ของเราอันดู เห็นแล้วก็อยากกลับไปทำใหม่
อยู่เหมือนกัน แต่คงไม่มีเวลาเพราะขนาดของเวปไซด์ไม่ว่าจะเป็น
เรื่องท่องเที่ยว และ เรื่องเพลง นั้นใหญ่เกินจะเอาเวลาว่างมาทำให้
มันเสร็จสมบูรณ์ได้ ถ้าจะลงมือเริ่มอีกเกรงจะต้องใช้เวลาทั้งหมด
เฮ้อ ยิ่งมีคอมใหม่ ทำให้เกิดความกระหายอยากที่จะทำเวปอีก แต่คงต้อง
รอเพราะแค่เขียนบล็อกเนี่ยยังไม่ค่อยจะมีเวลามาเขียนนักเลย
อยากให้วันนึงยาวกว่านี้จะได้มีเวลาพอที่จำทำอะไรตามที่อยากทำได้
ก็หากอยากลองเข้าไปดูเวปเก่าเราก็คลิ้กที่ทำลิ้งไว้บนตัวอักษรด้านบนนะ
..................................................................................................

เออที่ผ่านมาได้กลับเมืองไทย ได้ไปเจอเพื่อนเก่าที่ทำงานอยู่แค่ครั้งเดียว
แต่ก็ยังดีที่ได้ไปเจอ เนื่องจากวันเวลาที่กระชั้นชิด เราก็อยากอยู่นานๆ เจอกัน
ครั้งเดียวก็ยังดีกว่าไม่ได้เจอเลยเนอะ แวะไปกินอะไรกันที่โออิชิ ก็ยังแพง
เหมือนเก่าแต่ของดูจะน้อยลงชอบกล ส่งสัยจะลดเพราะราคาน้ำมันแพงมั้ง
ยังงัยก็ได้ลิ้มลองหอยแมลงภู่ใหญ่ยังจากนิวซีแลนด์ (เห็นป้าๆที่ไปด้วยกันบอก)
ก็อร่อย โชคดีปากกว้างก็เลยเก็บทั้งตัวเข้าไปในท้องได้

Photobucket - Video and Image Hosting


Photobucket - Video and Image Hosting

กลับครั้งนี้เป็นบ้านนอกเข้ากรุงยังงัยก็ไม่รู้ ไม่ได้เคยลองขึ้นรถไฟใต้ดิน
กับเขาเลย อยู่นี่ก็ไม่เคยใช้บริการรถใต้ดินที่อัมเตอร์ดัมเลย เห็นว่าสะดวก
สบายและรวดเร็ว ไม่รู้ว่าจะแน่นเอียดช่วงเวลาเร่งด่วนเหมือนที่ปารีส
หรือเปล่า คราวหน้าอาจได้ใช้บริการ
..........................................................................................................
ในที่สุดความภาคภูมิใจกของไทยก็ได้เปิดตัว
สุวรรณภูมิ ตื่นเต้นพอเครื่องลงเพราะเป็นครั้งแรกที่จะได้
ใช้บริการสนามบินนี้ คราวนี้ใช้เป็นผู้มาเยี่ยมเยือน
แต่ก่อนสนามบินเก่ากับตัวเรานั้นมันมีความสัมพันธ์อยู่อยากบอกไม่ถูง
มันเหมือนกับสถานที่ที่ได้ความให้ความบันเทิง
ให้พักผ่อน ให้ได้อาหารอร่อย และ
ให้ความสัมพันธ์ดีๆก่อเกิดและแข็งแรงขึ้น
แต่ตอนนี้สนามบินดอนเมืองที่เราเคยเดินเขาออกหลายครั้ง
โดยหวังว่าวันนึงจะได้เป็นผู้เดินทางเอง ก็ร้างลา
ขาดรอยยิ้มเสียงหัวเราะของการกลับมา
หรือรอยน้ำตาบนการลาจากของใครคนนึง
ยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นไปอย่างไรกับสนามบินที่มีค่าต่อ
จิตใจของคนไทยคนนึงอย่างเรา


Photobucket - Video and Image Hosting

Photobucket - Video and Image Hosting

สวรรณภูมิบนความใหญ่โต สิ่งที่เราเห็นก็ดูจะเป็นเหมือน
แค่สนามบินใหญ่ๆแห่งนึง ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับ-ส่ง
ตกแต่งด้วยความสวยงามแห่งความเป็นไทย
และความทันสมัย เราเองคงไม่มีความรู้สึกพิเศษเท่าไหร่
แต่ก็มีความดีใจ เพราะเพื่อเป็นการพัฒนาประเทศ
คนไทยเราต้องการสนามบินที่มีประสิทธิ์ภาพ
การท่องเที่ยวของไทยเราจะได้มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น


Photobucket - Video and Image Hosting

Photobucket - Video and Image Hosting

แต่ต้องยอมรับว่าไกลจริงๆเลย จากบ้านของเราเนี่ยะ
เสียเวลาการเดินทางมากเมื่อเทียบกับดอนเมือง นี่ถ้า
เขาตัดสินใจว่าจะใช้ทั้งสองสนามบินร่วมกัน เราคงเลือก
สายการบินที่ร่อนลงที่ดอนเมืองนะ เพราะความสะดวก
ต่อตัวเองบวกกับความสัมพันธ์อันเก่าแก่ เราคงจะดีใจ
มากกว่าหากเครื่องบินของเราแล่นลงดอนเมืองเหมือนเคย
............................................................................................
ก็เท่านี้ดีกว่าพรุ่งนี้ต้องไปทำงานละ เฮ้อ ขี้เกียจเป็นบ้าเลย

04 November 2006

เสาร์สะที


ในที่สุดวันเสาร์ก็มาถึง นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าเมื่อเสาร์ก่อน
ยังนั่งกินของอร่อยๆอยู่ที่เมืองไทย มาตอนนี้ก็มีแต่มาม่าห่อที่
ดูจะอร่อยกว่าอาหารหลายอย่างที่นี่ ก็ได้ร่ำลาหลานตัวน้อยของเรา


คงอีกสักพัก่อนจะกลับไปเที่ยวเมืองไทยอีกครั้ง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงขึ้น
อยู่กับเงินและเวลา ตอนนี้ได้กลับมาทำงานใหม่อีกละก็มีทั้งความรู้สึก
ดีใจและเบื่อหน่ายเคล้ากันไป ที่ดีใจคือมีงานมีเงินใช้ต่อ ที่เบื่อๆคือ
งานที่ทำและเพื่อนร่วมงานบางคนที่บ้าพลังชอบทำเป็นหัวหน้าบ้าบอ
............
การกลับที่เมืองไทยที่ผ่านมาได้ไปห้างเปิดใหม่สวยหรูเลิศ
สยาม พาราก้อน ก็ไม่คิดว่าห้างจะมีแต่ยี้ห้อดังๆเท่านั้น แล้วคนไทยจะเอาปัญญา
ไปซื้อได้มากเท่าไหร่ละเนี่ย คงเป็นช่วงลดราคาเท่านั้นละมั้ง เสื้อผ้าส่วนมาก
ราคาก็เท่ากับเงินเดือนเดือนนึงเลยก็ว่าได้

Photobucket - Video and Image Hosting

ก็อยากจะถ่ายภาพภายในไว้เหมือนกันแต่ก็เกรงใจกลัวเพราะเขาห้าม
ถ่ายรูปภายในห้างตามแถวหน้าร้านยี่ห้อดังๆเหมือนกัน แต่ก็ชั่งมันเหอะ

Photobucket - Video and Image Hosting

มาครั้งแรกที่พาราก้อน ก็เจอกินเงินไปด้วยเสื้อลดราคาของ
เอเบอครอมบี้ แล้วเราก็เดินเล่นกับป้าลัดและป้าสโนว์ในห้างใหม่
และแพงที่สุดในประเทศก็ว่าได้

Photobucket - Video and Image Hosting

ภาพบริเวณหน้าโรงหนัง กะจะได้เดินดูเผื่อมีหนังที่น่าสนุก
แต่สุดท้าย ก็ไม่ได้เลิกดูหนังสักเรื่อง แล้วสุดท้ายก็ไปเดินกัน
ที่มาบุญครอง
แค่นี้ก่อนดีกว่าต้องไปซักผ้าต่อเพราะยังเหลืออีกหลายตระกร้า

01 November 2006

กลับมาทำงาน



หลังจากหยุดกลับเมืองไทยไปสามอาิทิตย์กว่าๆก็ได้เวลา
กลับมาสู่โลกแห่งความจริง เริ่มงานวันแรกก็เบื่อๆเซ็งๆ
เลยไม่ค่อยทำอะไรวันนี้นอกจากเดินทั่วไปคุยกับคนโน้นที
คนนี้ที ก็ยังเงียะแหละวันแรก หลังจากการพักผ่อน

อากาศที่นี่แย่ลงมา มีพายุกระหน่ำ ตั้งแต่เช้าก็เจอฝนโปรย
เย็นจับใจ พอเลิกงานแล้วก็เริ่มมีดแล้ว ร้านค้าที่สถานีรถไฟก็
เปิดไปสว่างสไว เพิ่ง 5 โมงกว่าๆเอง เฮ้อ อีกไม่นานก็จะมืด
เร็วกว่านี้

เที่ยวที่เมืองไทยที่ผ่านมาก็ไม่ได้ไปไหนไกลมากนัก ส่วนมาก
ก็อยู่กลับเพื่อนเกลอ สองคนนี้




ดีใจที่ได้กลับเมืองไทยคราวนี้แม้จะเป็นแค่ระยะเวลา
3 อาทิตย์ แต่ก็ได้ทำอะไรหลายอย่าง สนุกมากเหมือนกัน
ก็ต้องขอบใจแกทั้งสองคนนะ หวังว่าอีกไม่ช้าคงได้เจอกันใหม่
ไว้ถ้ามีเวลาจะมาเล่าและลงรูปภาพมากกว่านี้ เกี่ยวกับการกลับ
เมืองไทยครั้งนี้ เพราะวันนี้คงยังมีเวลาไม่พอ ไม่อยากนั่งอยู่หน้า
คอมนาน จริงๆก็อยากนั่งนาน เพราะเป็นคอมใหม่ เพิ่มถอยมา
เมื่อวาน เปลืองเงินแต่ก็อยากได้เพระคอมเก่าช้าไปแล้วและก็มี
ปัญหาอยู่ด้วย ทีแรกก็ลังเล กับโนทบุค แต่ก็ตัดสินใจไม่เอา

ไปดีกว่าตอนนี้ คงได้มีเวลามาเขียนช่วงสุดสัปดาห์นี้มากขี้น