30 March 2007

ปาเป้า


เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อเดือนก่อนที่ทำงาน โดยเฉพาะกลุ่มของเราเขาติดตั้ง
Darts หรื่อ เป้า ที่ห้องว่างชั้นที่เราทำงานอยู่ และก็มีการจัดการแข่งขัน
แบบมือสมัครเล่น มีไม่ถึงสิืบคน การแข่งขันก็ดำเนินแค่ 2-3 อาทิตย์
ก็จบลง เราเองกับเพื่อนร่วมงานที่สนิทกัน ก็นึกชอบเสนอหน้าไปลองปาเป้าเล่นดู
ทีแรกก็ยืม ลูกดอกของคนอื่นเขามา ยืมไม่นานเพราะเกรงใจตัดสินใจลงทุนหุ้น
เงินกันสองคนไปซื้อลูกดอกมาปาื สุดท้ายไปๆมาๆก็กลายเป็นผู้เข้าแข่งขันการปา
เป้าย่อยๆของที่ทำงาน เราเองปาไปปามาก็ติดใจ ลงทุนซื้อเป้ามาติดที่บ้าน
ซื้อลูกดอกใหม่เพื่อการแ่ข่งขัน เราเองก็ซ้อมปาอยู่ทุกวัน แข่งมาแล้ว 3 เกม
ชนะ 2 แพ้ 1 ยังเหลืออีกหลายเกม ก็ไม่คิดว่าจะมีโอกาสชนะแต่ก็ชนะไปแล้ว
แต่ยังต้องแข่งกับแชมป์และรองแชมป์เก่าอีก คงแย่เพราะเห็นฝือมือแล้ว มือใหม่
อย่างเราคงต้องกินใข่แหง๋ๆ แต่ก็สนุกดีื ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำแต่ทำได้ค่อนข้างดี
นะดูจากระยะเวลาืที่ฝึกฝนมา คงฝึกไปเรืื่อยๆเพราะเราก็ชอบเอาจริงๆสะด้วย



สิ่งที่ได้มาจากกิจกรรมนี้ ก็ไม่ใช่แค่ความสนุกสนาน เรายังได้ความสัมพันธ์์ที่
แน่นแฟ้นกับเพื่อนร่วมงานที่เป็นคนตัดสินเรื่องสัญญาจ้างงานของเรา แฮ่ื แฮ่
ก็ต้องมีบ้าง ทำงานหัวปักหัวปัม ไม่ร่วมกิจกรรม งานก็ไม่รุ่งนะสำหรับที่นี่
ทำงานพอดีๆ เอากิจกรรมด้วย ช่วยทำให้งานรุ่งมากกว่าื พูดถึงเรื่องกิจกรรม
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา 8 มีึึค มีงานเลี้ยงของที่ทำงาน ใหญ่โต และก็สนุกมาก
มีอาหาร เครื่องดื่ม ขนม เพียบ และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ ดนตรี ครั้งนี้เลิศ
ช่วงทานอาหารก็มีวงดนตรีจากเพื่อนร่วมงาน หลังจากนั้นก็มีวงดนตรีมาเล่น
พนักงานพากันเต้นหัวมันบนแดนส์ฟลอร์ เราเองก็เต้นตั้งแต่เริ่มจนจบ อยู่จน
เขาปิดไฟไล่ ก็สนุกดี ไม่เคยมีประสบการ์ณที่นี่อย่างนี้มาก่อน ก็ไม่ได้แค่ความสนุก
สนาน ยังได้ความสัมพันธ์ที่แน่นขึ้นกับเพื่อนร่วมงาน



ภาพพนักงานรัฐบาลฝ่ายภาษี เต้นกันพันลวัน เราเองก็ชิ่งมาแอบถ่ายรูป
แสงสีเนียะ เล่นเอาแสบตาไปหมด ปาร์ตีก็เลิืกเอา ห้าทุ่ม



กลัีบมาถึงบ้านวันนั้นเราเนียะเหนื่อยมาก วันถัดไปไปทำงาน ทำงานวันนั้นถึงแค่
บ่ายสองครึงแล้วก็กลับบ้า เพราะเหนือยมากๆ แต่ก็สนุกมากเช่นกัน ตอนนี้ก็
มีอีกวันที่ใกล้เข้ามาคือวันกีฬา 24 พค เราก็ร่วมกิจกรรมกับเขาอีกคราวนี้คือ
วอลเลย์บอล เฮ้อ คงเหนื่อยอีกเราการ แล้วคงได้เก็บภาำพมาลงอีก

แค่นี้ดีกว่า ง่วงละ พรุ่งนี้วันเสาร์จะได้นอนตื่นสายสะที ทำงานมาเต็มอาทิตย์
เหนื่อยจังเลย

21 March 2007

4 ปีที่ผ่านไป


เหลือเชื่อเหมือนกันว่า 4 ปีแล้วที่มาอยู่ที่นี่ื ตอนปีแรกที่มาไม่คิด
เลยว่าจะอดรนทนมาได้จนบัดนี้ ทั้งนี้อัีนเนื่องมาจากสภาพอากาศ
และอาหารที่ทำให้ประเทศนี้ไม่ค่อยน่าอยู่ แต่บัดนี้เราก็สามารถอยู่
มาได้จนบัดนี้

4 กว่าปีที่ผ่านไปกับการมาอยู่ที่นี่ ได้เรียนได้รู้ในหลายสิ่งซึ่งไม่
เคยที่จะคิดว่าจะได้มามีประสบการณ์ ปีแรกที่มาอยู่นั้นเต็มไปด้วย
ความตื่นเต้น ความอยากในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ภาษาใหม่ ไม่ต้องคิด
มากมายเรื่องการดำเนิืนชีวิตมากนัก พอเข้าสู่ที่สอง หลังเรียนภาษา
จบ เริ่มงงๆ กับชีวิต หลายครั้งได้ถามตัวเองว่า เรามาทำอะไรอยู่ที่นี่
งานก็หายากสำหรับคนต่างชาติที่ภาษาไม่คล่อง ชีวิตอยู่แบบเหมือน
ไม่มีจุดหมายยังไงก็ไม่รู้ ก็เริ่มหางาน ที่แรกก็กะไม่เกี่ยงงาน เพราะ
อยากได้ประสบการณ์และภาษาจะได้คล่องขึ้น เพื่อจะได้งานที่ดี
แต่ก็ยังไม่ได้ ทนพยายามหา ท้อมากเหมือนกันเวลาได้อีเมล์หรือ
โทรศัพท์ตอบปฎิเสธมา ก็พยายามไม่คิดมาก พยายามเข้มแข็ง และ
ก็โชคดีด้วยที่ช่วงนั้นเพื่อนเกลออยู่ไม่ไกล ก็ได้ช่วยคลายความรู้สึกแย่ๆ
ไปได้มาก พอปีที่สามเข้ามาอย่างรวดเร็ว ภาษาก็ได้พัฒนามากนัก
เพราะไม่ได้สื่อสารหรือได้ใช้ภาษาเท่าไหร่ ที่มีก็แต่การดูทีวี ช่วงกลาง
ปีที่สามนี้ ก็โชคดีสมัครงานไปงานนึงผ่านเอเย้นจัดหางาน โทรศัพท์ติืด
ต่อมาให้ไปสัมภาษณ์ ปรากฎต้องเริ่มงานอาทิตย์ถัดไปเลย เร็วมาก
ตื่นเต้น และกลัว เหมือนฟ้าสร้างเรามาให้คู่กัน ได้งานที่เดียวกับ เจ้า
เกลอสโนว์ ที่ยิ่งไปกว่านั้น อยู่ยุนิทเดีัยวกันอีก แค่คนละกลุ่ม แค่อยู่ที่
ทำงานเดียวกันได้ก็เหลือเชื่อละ ดันได้มาอยู่ยูนิืทเดียวกันจากทั้งหมด
4 ยูนิท บางทีสื่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นได้ จากวันนั้นถึงวันนี้เรายังทำงาน
อยู่ที่เดิม แม้เพื่อนเกลอจะไม่ได้ทำงานที่เดียวกัน หรืออยู่ประเทศเดียว
กันอีก เรารู้สึกภูมิใจตัวเองเหมือนกันว่าเราก็ทำได้นะ จากวันแรกที่เริ่ม
งานกลัวมาก มันคงไม่มีการเริ่มงานอันไหนที่จะน่ากลัวเท่าอันนี้สำหรับ
-คนไทยที่ไม่ใช่นักเรียนนอก
-ภาษาใหม่ที่ใช้่เวลาเรียนแค่ปีเดียว
-ไม่เคยทำงานกับฝรั่งในเมืองฝรั่ง

วันนี้ก็รู้สึกภูมืใจในตัวเองอีกระดับนึงที่สามารถเอาตัวรอด อาศัยทำงาน
หนัก อัธยาศัยดี พยายามเรียนรู้ และปรับตัวตามสังคมของคนที่นี่ เท่านี้
ก็ทำให้คนที่นี่ยอมรับคนไทยอย่างเราได้ไม่ยาก คงได้ทำงานต่อที่นี่อีก
ยาว เพราะเราเองก็ค่อนข้างมีความสุขกับเพื่อนร่วมงานหลายคนเหมือนกัน
ปีที่สี่นี้เราก็หวังว่าชีวิตในหลายๆอย่างจะเข้ารูปเข้ารอย ปีหน้ามีนาคมก็ขอ
สัญชาติของที่นี่ได้แล้วเพราะจะอยู่ครบ 5 ปี ก็คงยุ่งเรื่องเอกสารการขอ
สัญชาติและการขอเก็บสัญชาติเดิม

เอ้อเหนื่อยละ พรุ่งนี้ยังมีงานอีกเยอะ