22 December 2006

วันที่สั้น แต่เรื่องยาว 2 (จบ)


กลับมาต่ออีกครั้ง หลังจากที่เมื่อวานเล่ายาวแต่เล่า
ได้ไม่จบ เฮ้อ หลังจากกลับมาสลบที่บ้านจากงานเลี้ยง
ของที่ทำงาน วันถัดมาก็ไปทำงานกันต่อ เพื่อนร่วมงาน
หลายคนก็หน้าตาโทรมๆ คงเพราะดื่มกันมากไป เราเอง
ก็พยายามทำหน้าสดใสไว้ แต่ที่โชคดีคือได้นอนเพียงพอ

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของอาทิตย์นี้ก่อนการหยุดยาว 4 วัน
เราก็มีพรุ่งนี้ได้พักผ่อนวันนึงก่อน ต้องฝืนไปเบลเยี่ยม
กะว่าจะนอนให้เต็มอิ่มเลย อาทิตย์หน้าทำงานกันแค่สาม
วัน พนักงานส่วนมากก็ลาหยุดกันยาว ที่นี่ดูจะลาหยุดกันง่าย
เหลือเกิน เราเองก็ไม่อยากลาเพราะอยากได้เงินมากกว่า
อาทิตย์หน้าคงเหลือพนักงานกันไม่กี่คน แต่ก็ดีแล้วละจะ
ได้เงียบๆดี บางทีคนเยอะไปก็หน้าเบื่อ หนวกหู ไม่ค่อย
ทำงานกันเท่าไหร่ ฝอยกันสะมากกว่า เราเองก็เริ่มติดๆ
เชื้อเขามาเหมือนกันบ้างแล้วนะเนี่ย

นี่ก็จะถึงคริสมาตอีกไม่กี่วันละ เรายังไม่ได้ร่อนการ์ดออกไป
สักใบ สงสัยคนที่รอต้องรอเก้อไปสักพัก เพราะคงเหมือนทุก
ปีที่ช่วงนี้จดหมายล่าช้า เพราะมีจำนวนมากเกินกว่าจะจัด
ส่งให้ตรงเวลาได้ เราเองก็รอของอยู่เหมือนกันแต่สงสัย
จะมาไม่ทันพรุ่งนี้ คงต้องไปเป็นโน่นเลยวันพุธ
เฮ้อ

วันนี้ทำงานก็เหมือนๆเดิมแก้ปัญหา ปัญหา
โชคดีที่ไม่ได้บ้านั่งรีบเคลียร์งานอยู่คนเดียว
พนังการชั่วคราวกลุ่มเราขยันเราัเลยสบายหน่อย
เพราะกลุ่มอื่นแล้วท้อไม่ มีแต่คนที่กลัวปัญหายาก ๆ
เราเองก็มีอยู่หลายต้องติดต่อลูกค้า ไ่ม่อยากโทร
เท่าไหร่หรอก แต่ลูกค้าเขาขอร้องมาเลยจำเป็น
แต่ก็ดีแล้วละเพราะบางปัญหา หากไม่โทรชี้แจง
ลูกค้าก็โทรเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ทั้งๆที่ปัญหานั้นแก้ไปแล้ว

Photobucket - Video and Image Hosting

กลุ่มเราตอนนี้เลยกลายเป็นกลุ่มเคลียร์งานเร็วที่สุด
เลย (วิเคราะห์ด้วยตัวเอง) หลังจากที่ทุกวันเคลียร์
ปัญหาที่เข้ามามากกว่า 40 ปัญหาต่อวัน หมดภายใน
วันเดียว จริงๆแล้วแค่ครึ่งวันเ้ช้าก็ทำเสร็จกันแล้วละ
พอช่วงบ่ายก็ขี้เกียจกันละ ก็มีช่วยกลุ่มข้างเคียงบ้าง
แต่เราก็เลือกที่จะทำแบบผ่อนคลายละไม่ใช่งาน
ของเราโดยตรง อะไรที่ยากๆก็ให้เขาแก้กันเอง
เรื่องงานตอนนี้เลยเข้าที่เข้าทางไม่มีปัญหามากนัก

ตอนนี้ก็มองๆดูสภาพอากาศ หิมะคงไม่ตกปีนี้แล้วละ
เพราะเห็นข่าวบอกว่าเราจะได้ Green Xmas กัน
คงไม่มีหิมะแน่แ้ล้ว ช่างมันเหอะ ก็ไม่ค่อยเสียดาย
อะไรมากเพราะ white Xmas ก็ยังไม่เคยได้เลย
ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ส่วนมากแล้วตกหลังปีใหม่แหนะ
มีโชคดีบ้างที่พลัดตกมากก่อน แต่ปีนี้ไม่มีวี่แววละ

เฮ้อ อาทิตย์นี้ก็จบไปอีกหนึ่งอาทิตย์ อาทิตย์หน้า
จะเป็นอาทิตย์สุดท้ายของปี วันเวลาช่างผ่านไปเร็ว
เหลือเกิน ไ่ม่ทันไร ก็จะจบละ ปี 2006 หวังว่าปีหน้า
จะเป็นปีทองของชีวิตเราที่นี่ ให้มีแต่เงินแต่ทองไหลมา
มีความสุขเยอะและไร้โรคภัย (ยังไม่ได้คำอวยพร
เลยอวยให้ตัวเองไปก่อนละกัน)
ไปละไว้มาเขียนใหม่หลังคริสมาส

21 December 2006

วันที่สั้น แต่เรื่องยาว 1


วันนี้เป็นวันเริ่มต้นของฤดูหนาวที่นี่ และยังเป็นวันที่มีช่วงกลางวัน
สั้นที่สุดของปีด้วย แต่เราก็ไม่ได้เห็นการเปลื่ยนแปลงของความสว่าง
และความมืดมิด การใช้ชีวิตช่วงฤดูหนาวก็ได้เริ่มอย่างจริงจัง อากาศ
ทั้งอาทิตย์นี้ อุณหาภูมิสูงสุดคงอยู่ที่ 7 องศา แต่เราก็ไม่มีปัญหาอะไร
เพราะไม่มีกระแสฝนมาร่วมเพิ่มความหนาว ปีนี้อากาศเย็นลงอย่างช้า
มากเมื่ออาทิคย์ก่อนดอกไม้ที่ปลูกไว้เมื่อก่อนหน้าร้อนยังบานสะพรั่งอยู่
ต้นไม้คงงงๆเหมือนกันว่าทำไมฤดูมันถึงแปลกๆ



ท้องถนนที่ประดับประดาด้วยแสงสีต้อนรับการมาของเทศกาลคริสมาส
และปีใหม่ ก็ทำให้ความรู้สึกหดหู่กับฤดูหนาวลดลงไปบ้าง รวมถึงการที่
สินค้าหลายอย่างเริ่มลดราคา กระเป๋าตังค์เราก็เริ่มเบาลงเช่นกัน หลังจาก
ลงทุนซื้อแจกเก็ตใหม่ผ่านอีเบย์ไปสองตัว หวังว่าคงถึงเร็วๆนี้
บริเวณที่จอดรถ jaarbeurs ใกล้ที่ทำงานมีการจัดแสดงแสง ฉายไป
บนกำแพง สวยงามเป็นรูปภาพการ์ตูนเกี่ยวกับเทศกาลคริสมาสและปีใหม่
เราเองก็ได้เห็นทั้งตอนไปทำงานและตอนเลิกงาน เพราะทั้งสองเวลา
พระอาทิตย์ยังไม่โผล่ อีกเวลาอาทิตย์ก็ร่ำลาไปละ เลยเห็นแต่ความมืดเป็น
ส่วนเมากช่วงนี้

เมื่ออาทิตย์ก่อนตารางเวลาการเดินรถไฟของที่นี่เปลื่ยน ทำให้เราต้องตื่นเช้า
ขึ้นเพื่อไปทำงาน เบื่อมากแต่ก็ได้กลับบ้านเร็วขึ้นเหมือนกัน การเดินรถไฟ
เวลาใหม่นี้ยังไม่ต่อยเข้าที่เข้าทางนัก หลายครั้งรถไฟก็มาสาย ทำให่เราสาย
ไปด้วย บางที่ขบวนก็มาแบบประหยัดงบ คนยืนรอเป็นร้อย มาอยู่แค่สองตู้
เบียดมาก นอกจากตารางเวลาเปลื่ยน ท่าจอดรถก็เปลื่ยนอีก ของเราก็ไปอยู่
ไกล กว่าจะเดินจากที่รถจอดมาเข้าตึกสถานีก็เสียเวลาไปหลายนาทีละ

Photobucket - Video and Image Hosting
(ภาพภายในรถไฟ)

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมากหลังเลิกงาน ออกไปปาร์ตี้กับเพื่อนร่วมงาน 5 คน
ทีแรกคิดว่าล้มแล้วเพราะมีคนไปได้น้อย สุดท้ายถึงน้อยก็ไปวะ มีกัน
6 คน สองคนเป็นพนักงานชั่วคราว เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ออกไปครั้งนี้
เป็นครั้งแรก แต่ก็ได้อะไรกลับมาหลายอย่าง สนุกด้วย และเสริมสร้างสัมพันธ์
อันดีกับเพื่อนร่วมงานเผื่อได้อยู่นานกว่าสิ้นเดือนมิถุนายนปีหน้า คิดไปไกล
ก็ไม่ได้ทำอะไรกันมาก เสียเวลาในการเดินหาร้านอาหารกันนาน ส่วนมากยัง
ไม่เปิด เพราะไปกันตั้งแต่ยังไม่ 5 โมงเย็น สุดท้ายก็ได้ร้านอาหารกรีกที่ราคา
ไม่แพง กินเสร็จก็ไปต่อที่ผับ stair away to heaven เห็นว่ามีชื่อ
เสียงมากในยูเทรค เราเข้าไปก็บงั้นๆ แต่ก็สนุกดีได้ออกเที่ยวบ้างกับเพื่อนร่วมงาน
ต่อมาที่วันจันทร์ งานเลื้ยงของยูนิท คราวนี้จัดที่ผับริมคลองใกล้ออฟฟิศ ก็หนุกอีก
เพราะฟรี เราก็ล่อเบียร์ไปหลายแก้ว เมาเอาเหมือนกัน เริ่มกินตั้งแต่บ่ายสองจนถึง
หกโมงครึ่ง กลับมาถึงบ้านสลบเลย

Photobucket - Video and Image Hosting

ยาวละบล็อก ไว้มาเขียนต่ออีก ก่อนไปมีรูปสวยมาฝาก ถ่ายจากที่รอรถราง
เห็นตึกที่ทำงานด้วย

09 December 2006

อาทิตย์ที่ผ่านไป


เวลาชั่งเดินได้รวดเร็ว อาทิตย์ใหม่มา อาทิตย์เก่าลาไป
เราเองยังรู้สืกว่ายังมีอีกหลายอย่างที่ยังทำไม่เสร็จสับ บางที่ก็คิด
ว่าหากวัน 1 วันมีมากกว่า 24 ชั่วโมงก็คงดี คงมีเวลาให้เหลือพอที่
จะทำอะไรที่ตัวเองชอบ ทุกวันนี้ทำงาน 5 วัน 40 ชั่วโมง กลับมา
บ้านก็เหนื่อย พอถึุงเสาร์ อาทิตย์ ทีก็เป็นวันหยุดที่ต้องใช้ไปกับการ
ทำความสะอาด ซักผ้า รีดผ้า ไม่ได้มีเวลาเหลือให้ทำอะไรอย่างอื่นได้
มากกว่าการเปิดดีวีดีดู บางทีสุดสัปดาห์อย่างงี้ก็อยากไปเที่ยวเหมือน
กัน แต่พอดูสังขาร และบวกกับความขี้เกียจด้วยว่าอยากนอนให้มากๆ
ช่วงวันหยุด แผนการการท่องเที่ยวก็ไม่มีเลย มีแต่ช่วงคริสมาต และ
ปีใหม่ ที่ต้องฝืนใจไปเบลเยี่ยม เบื่อฉิป อุตส่าห์มีวันหยุดยาวทั้งทีกลับ
ต้องมาทนทำอะไรที่ไม่อยากทำเลย ชั่งมันแค่แป็ปเดียว พูดถึงเรื่องนี้
แล้วเบื่อหน่ายเรื่องญาติโกโหติกาฉิป

เรื่องงานก็ยังไม่มีมาเป็นรายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับสัญญา แต่ที่รู้แน่ก็คือ
ได้ต่อแน่อีก 6 เดือน แต่รูปแบบสัญญาจ้างจะเป็นงัยยังไม่แน่ใจเลย
หวังว่าเร็วๆนี้คงได้รู้สะที่ เพราะเซ็งที่จะต้องรอ งานช่วงนี้ก็นั่งยุ่งอยู่
เหมือนเคย วางแผนว่าจะพักระหว่างงานให้มากขึ้นเพื่อสุขภาพ เพราะ
โหมงานมากไปช่วงหลังนี้ื เป็นเพราะมีงานเข้ามาเยอะมาไม่อยากดอง
เหมืองยูนิทอื่น แต่คงต้่องละบ้างพักบ้างให้มากขึ้น ยังก็ตามอากาศ
ด้วยทำให้ไม่อยากไปเดินพักผ่อนข้างนอก ก็เล่นทั้งลมทั้งฝนทั้งอาทิตย์
มีวันนี้ละที่ดีขึ้นมีแดดสอง ที่ผ่านมาไปทำงานที่แทบจะุถูกลมพัดไปเพราะ
ลมอะไรชั่งแรงได้ขนาดนั้น ทั้งฝนโปรยด้วย เบื่ออากาศจริง

อาทิตย์หน้าตารางเวลาเดินรถไฟที่นี่เปลื่ยนอีก ยังไม่รู้เลยว่าจะต้องไปเร็ว
หรือช้าขึ้่นคงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะชินกับเวลาเดินรถใหม่ ไม่รู้มัน
จะเปลื่ยนไปทำไม่ สงสัยคงเป็นเพราะเกินอุบัติเหตุบ่อยมั้งช่วงหลัีง ตกราง
บ่อยเหลือเกิน สงสัยจะอัดกันแน่นลำ

เมื่อวานซื้อดีัวีีดี ซุปเปอร์แมน มาดู ภาคใหม่ก็ดีนะ ปกติไม่เคยชอบ
หนังซุปเปอร์แมนเลย แต่ภาคนี้ก็ดีนะ คงเป็นเพราะเทคโนโลยี
การถ่ายทำแบบใหม่ทำให้ดูไม่น่าเบื่อเหมือนภาคเก่าๆ
พระเอกใหม่ก็เล่นดูแข็งๆอยู่เหมือนกัน ลอยส์ เลน ก็ดูจะ
ฉลาดขึ้นกว่าภาคเก่า รวมทั้งไม่ซีรีย์ด้วย ไม่รู้ว่าจะ
มีภาคต่ออีกหรือเปล่า หวังว่าคงมี

วันนี้ว่าจะตำแครอทกิน คงต้องเริ่มไปเตรียมละ เพราะต้องใช้เวลาใน
การเฉาะแครอทอีก อยากกินก็ต้องยอมลำบากหน่อยละเน้อ ไปละ

01 December 2006

เริ่มธันวา


เผลอแปล็บเดียวก็เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปีละ ..เร็วจังเวลาเนี่ย..
ยังรู้สึกเหมือนเพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆเมื่อเกือบหกเดือนก่อนเลย
เวลาชั่งผ่านไปได้รวดเร็ว .......
อาทิตย์หน้าก็จะได้รู้เรื่องสัญญาจ้างงานว่าจะเป็นยัง
แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาคงได้ต่อสัญญา เห็นว่าอาจเป็นสัญญาจ้าง
โดยตรงจากหน่วยงานเลยระยะเวลา 6เดือนก่อน
แบบแรกอันนี้สำหรับกลุ่มพนักชั่วคราวที่มีผลงานดี
แบบสองสำหรับพนักงานที่ทำงานปานกลางจนถึงดี
ก็จะได้ต่อสัญญาถึงเดือนมีนาคม และแบบสุดท้าย
พนักงานที่มีประสิทธิ์ภาพไม่พอเพียง สัญญาจ้างก็สิ้นสุดเดือนนี้
การตัดสินใจนั้นเป็นของพนักงานประจำของกลุ่มนั้นๆเอง
ว่าพอใจในตัวพนักงานชั่วคราวคนไหน
ตัวเราเองก็ไม่ได้วิตกอะไรมากนัก ถ้าได้ต่อก็ถือว่าโชคดี
มีงานมีเงิน ถ้าไม่ได้ก็ไม่เสียดายเพราะไม่ได้รักงานนี้มากมายนัก
แต่ดูเหมือนว่าตัวเราจะอยู่ในแบบแรก แบบว่าทำงานดีสม่ำเสมออ่ะ
แต่ที่วิตกอยู่คือว่าการจะได้เป็นพนังงานประจำของรัฐบาล
จำเป็นที่ต้องมีสัญชาติดัชหรือเปล่าเนี่ย
เฮ้อ ถ้ามันเป็นกฎหมายของเขา ก็คงช่วยอะไรไม่ได้นัก
ก็ต้องรอดูเอาว่าจะเป็นยังงัย แต่ที่แน่คงได้สัญญาต่อแหละ
เพราะเพื่อนพนักงานประจำในกลุ่มก็บอกเราวันนี้แล้วละ
(ตอนพนักงานชั่วคราวคนอื่นกลับไปแล้ว)
ว่าเราไม่ต้องห่วงอะไร เพราะเรามาเป็นอันดับ 1 จากจำนวน
พนักงานชั่วคราวทั้งหมด 5 คน อยากจะตอบไปเหมือนกันว่า จริงๆก็ไม่ได้
ห่วงอะไรหรอก เพราะมั่นใจอยู่แล้วละ ฮิฮิ
จริงๆแล้วพวกเขาก็รู้กันนะว่า
ภาษาดัชของเรายังไม่แข็ง คุยยังมั่วๆอยู่เลยโดยเฉพาะ
เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับงาน แบบว่ารู้แต่คำพูดที่ใช้ในงานเป็นส่วนใหญ่
แต่เขาก็ยังเห็นความสามารถของเรา
แสดงว่าภาษามันก็ไม่ใช้ปัญหาทั้งหมดนะ
สำหรบคนต่างชาติอย่างเรา บางที่การเป็นคนไทย
รู้จักนอบน้อมเอาใจ ใส่ใจคนอื่น มีน้ำใจ
ก็สามารถเอามาใช้ไอย่างเห็นผลได้ในต่างแดนที่ดูเหมือนว่า
จะขาดน้ำใจไปเสียทุกๆที่
.............................................

Photobucket - Video and Image Hosting

สองอาทิตย์ที่ผ่านมา งานท่วมหัว
ลูกค้าโทรเข้ามาให้แก้ปัญหาวันละไม่ต่ำกว่า 60 ข้อความ
เล่นเอาเรานั่งแบบติดโต๊ะไม่ได้ลุกไปไหนนอกจากห้องน้ำ
ก็ไม่อยากให้ค้างคามาก ยิงดองไว้ยิ่งเยอะ เหมือนบางกลุ่มที่ตอนนี้
มีค้างอยู่ในระบบกว่า 200 ข้อความ
เห็นแล้วขนหัวรุกเลย เพราะงานเยอะ
เลยไม่ได้มาเขียนบล็อกเท่าไหร่ อาทิตย์ก่อนก็ตั้งใจจะเขียน
แต่พอวันสุดสัปดาห์ก็ไม่มีอารมย์ละ
อยากพักผ่อนนอนให้มากๆ เก็บกำลังไว้ใช้ใน
อาทิตย์ต่อไป แถมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็แวะๆไปงาน HCC Beurs
ก็เกี่ยวกับโชว์ และขาย คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์
งานนี้มีแค่ 3 วันต่อปี จึงไม่แปลกใจเลยที่มีคนให้ความสนใจ
เป็นจำนวนมากและประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม
ค่าเข้างานก็หัวละ 15 ยูโรเข้าไปละ นี้ถ้าเข้าไปและซื้อของ
ไม่คุ้มเหมือนเราก็อย่าเข้าไปเสียดีกว่า
เราซื้อของนิดเดียวเอง ราคาของในงานถูก(เป็นบางอย่างนะ)
เราได้กล่องใส่ ดีวีดี มาและก็หมึกปริ้นเตอร์
ราคารวมยังถูกกว่าค่าเข้างานเสียอีก แต่ก็อย่างว่า ไม่ได้เข้าเพื่อไปซื้อ
ของอย่างเดียว เขาไปเพื่อชมงานด้วย ไม่ได้เก็บรูปมา ขี้เกียจถ่าย ไปหา
ดูเอาเองในเนทละกัน
................................................
เมื่อวานไปกินซุชิ เจ้าประจำ วันพฤหัสเขาเป็นแบบกินไม้อั้น นี่เป็น
ครั้งแรกที่ได้ไปกินตั้งแต่กลับมาจากเมืองไทย ครั้งก่อนหน้านี้ก็ไปกินกัน
ส่งท้าย กับสโนว์และเบน คราวนี้ไปกินกัน ก็เล่นเอาอิ่มสะท้องแทบแตก
เบ็ดเสร็จก็แค่ 47 ยูโร สำหรับราคานี้กับซุชิ สองคน ไม่แพงเลยนะเนี่ย
ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะมาหลงไหลอาหารญี่ปุ่นนะเนี่ย ก่อนอยู่เมืองไทย
ไม่คิดจะมองเพราะอาหารไทยเรารสเลิศอยู่แล้ว พอมาอยู่นี้อาหารไม่ได้
เรื่องก็เลยจำใจ ดันไปติดใจสะเนี่ย ก็ดีแล้วละซ้อมไว้แล้วเผื่อวันนึงไป
ญี่ปุ่นจะได้ไม่มีปัญหากับปลาดิบๆ
.................................................
วันนี้ที่วีมีเปิด Take That ให้ดู เกี่ยวกับการกลับมารวมตัวใหม่
เป็นข้อมูลที่ดีและโปรโมดอัลบัมใหม่ไปในตัวด้วย แถมแวะมาแถลงข่าว
เปิดตัวอัลบัมใหม่ที่อัมเตอร์ดัม แย่มาที่ไม่มีรู้ก่อนถ้าไม่ยังงั้นคงได้ไปกระ
ทบไหร่ขวัญใจ แกรี่ เห็นที่สนามบินคนก็ไม่เยอะด้วย เสียดายเป็นบ้าคู่ขา
กรุปปี้ก็ทิ้งไปสะละ ไม่เป็นไรเดียวมันกลัมมาอังกฤษ จะชวนไปตาม
Take That กับ Man U ว่าแล้วก็อยากดูคอนเสริต และดูบอลแมน ยู
ด้วย ปีหน้าเจอกัน
.................................................
เริ่มง่วงละไปนอนดีว่า พรุ่งนี้จะได้ตื่นสายๆสะที หลังจากรอคอยมา
5 วัน เออ ลืมบอกไปวันนี้เป็นวันที่ดีตั้งแต่เช้า คนที่ไม่ได้เห็นที่สถานีรถไฟ
มานานแล้ว ก็กลับมารอรถไฟขบวนเดียวกันเหมือนเคยในช่วงหน้าร้อน
มีความสุขแต่เช้า ก็มีวันดีๆทั้งวัน ไปอาบน้ำละ

18 November 2006

ได้ตื่นสาย


วันนี้ได้นอนแบบเต็มๆอีกละ ชอบมากวันเสาร์เนี่ย ก็เดี๋ยวจะ
ออกไปนิวิแคน จะไปซื้อลูกชิ้นว่าพรุ่งนี้จะทำก๋วยเตี๋ยว แล้วคง
จะเลยไปเทศกาลหนังสือที่จัดที่นี่เหมือนกัน แต่ต้องหาดูว่าส่วน
ไหนของเมือง คงไม่ใหญ่โตเท่าที่ยูเทรคหรอกมั้งเพราะ
เมืองนี้ ก็เล็กๆ

อาทิตย์ที่ผ่านมางายเยอะมาก ก็ทำเอาเหนื่อยหน่ายไปทั้งอาทิตย์
ไม่รู้อาทิตย์หน้านี้จะเป็นงัย ก็ขอให้ไม่ยุ่งมาก อากาศก็ค่อนข้างดี
แสงแดดส่องทำให้ท้องฟ้าสดใส แต่เห็นดูพยากรณ์อากาศของ
อาทิตย์หน้าแล้วเหนื่อยใจสงสัยฝนจะตกทั้งอาทิตย์ น่าเบื่อมากเลย
นะเนี่ยอากาศแย่ ตอนนี้ใบไม้ก็ล่วงเกือบหมดแล้ว ปีนี้ล่วงช้าเพราะ
อากาศร้อนครอบคลุมนานทำให้ต้นไม้ไม่ยอมสละใบ ขนาดตอนนี้
ดอกไม้ที่ปลูกไว้เมื่อต้นหน้าร้อนยังมีดอกบานอยู่เลย เหลือเชื่อเพราะ
นี่ก็อาทิคย์ที่สามของเดือนพฤศจิละ
ขี้เกียจละวันนี้ ไปดีกว่า

10 November 2006

สองเงาในเกาหลี


ตอนอยู่เมืองไทย ตัดสินใจซื้อหนังสือกลับมาอ่าน เสียดาย
ซื้อมาแค่เล่มเดียว เลยเซ็งเลยย้อนเวลากลับไปก็ไม่ได้
ดังนั้นเล่มเดียวที่มีอยู่นี้จึงเก็บเอามาอ่านอย่างทนุถนอม
อ่านแบบไม่เร่งรีบ ไม่ใช่ว่าหนังสือไม่ดี
เพราะมันดีเลยไม่อยาก อ่านจบเร็ว

Photobucket - Video and Image Hosting

สองเงาในเกาหลี อ่านแล้วทำให้อยากไปเกาหลี
มากขึ้นเหมือนกัน ก่อนหน้านี้จะหาหยิบอ่านแต่หนังสือเกี่ยวกับ
ยุโรปเท่านั้น แต่ตอนกลับไปเมืองไทยคราวก่อน กลิ่นไอเกาหลี
ปกคลุมไปทั่วไทย โดยเฉพาะจากสื่อภาพยนต์-ละคร เราเองก็
ไม่ได้ดูมากนัก แต่ก็รู้ถึงความนิยม ไหนๆก็ฮิตละลองซื้อมาอ่าน
สักเล่มนึง ปรากฎดีกว่าที่คาดคิดไว้
แม้จะอ่านได้ไปเพียงแค่ครึ่ง เล่ม

ทรงกลด บางยี่ขัน ไม่เคยได้อ่านหนังสือเล่มก่อนของเขาเลย
แต่ดูเหมือนสำนวนการเขียนจะเป็นแบบที่เราชอบสะด้วย มีการ
เล่นคำ และการใส่อารมย์ ความรู้สึกนึกคิด และการเปรียบเทียบ
เนื้อความในหนังสือไม่ได้เน้นถึงประวัติความเป็นมาของสถานที่
ที่ผู้เขียนได้ไปพบประสบเจอ แต่ผู้เขียนได้เอาสิ่งที่ได้พบเห็น
มาบรรยายเหมือนกับการเขียนบันทึกประจำวันสะมากกว่า ทำให้
อ่านง่าย เกิดความเพลิดเพลิน ผู้เขียนอธิบายถึงความรู้สึกต่อ
สิ่งรอบข้างได้ดีจนทำให้คนอ่านมีความรู้สึกเหมือนอยู่ในที่ที่นั้นด้วย

การเดินทางของนักเขียนไปสู่เกาหลีคนเดียวในช่วงฤดูหนาว
และได้พบปะคนไทยที่ไปคนเดียวเหมือนกัน และเธอคนนั้นก็
กลายมาเป็นเพื่อนร่วมทางโดยไม่ได้เจตนา ก็ยังไม่รู้ว่าเรื่องราวจะ
เป็นยังงัยต่อไปสำหรับหนังสือเล่มนี้
อ่านจบอาจมาได้สาธยายให้ฟังอีกนะ
...................................

ในที่สุดสัปดาห์ก็มาถึง เราก็ยังดีใจเหมือนเดิมที่จะได้หลับนานขึ้น
หลังจากที่ต้องทนแหกขึ้ตา หน้าหนาวไปทำงาน เบื่อจริงเลยนี้
วันนี้ก็ยุ่งรีบเคลียร์งาน สุดท้ายก็เหลือเราคนเดียวจนห้าโมงเย็น
แต่ก็ชอบนะทำงานวันศุกร์เนี่ย เพราะคนน้อย จริงๆแล้วคนเยอะก็
ไม่เป็นไร เพียงแค่ไม่มีเจ็บ้าพลัง คนนึงคนเดียวก็พอ
เจ็บ้าพลัง ใครเหรอ คงสงสัย ก็พอดีในกลุ่มมีพนักงานประจำคนนึง
ที่บ้าอำนาจ ชอบออกคำสั่ง สั่งงานคนโน้น คนนี้ที โดยเฉพาะพนักงาน
ชั่วคราว ส่วนตัวเองก็แต็ด ตะแล็ด ไปคุย กับคนอื่น เธอคนนึ้จะมีสาย
ตาดุจพยาเหยี่ยว หากเราหยุดจับปากกา หันคุยกันหน่อย เจ็แกจะรีบ
มาถามเลยว่า ไม่มีงานแล้วเหรอ ก็มีบ้าอยู่คนเดียวและทั้งชั้นที่ทำงาน
พนักงานชั่วคราวกลุ่มที่อยู่ติดกันก็โดนหางเลขเข้าไปด้วย เธอคนนี้
จะชอบใช้สิทธิ์สนิทกับหัวหน้า เพื่อจะเอาหน้าเขาหาตัวเอง ชอบว่า
คนต่อหน้า แบบให้คนถูกว่าอายมุดเข้าส้วมไม่ทัน
พอดีวันนี้เจ้บ้าพลังไม่มา เราก็เลยโล่งอก ไม่มีคนมาสั่งให้ทำโน่น
ทำนี่ เบื่อจริงพวกชอบออกคำสั่ง และบ้าพลังด้วยเนี่ย
..............................................
พรุ่งนี้อาจจะไปตลาดสดที่ยูเทรค อยากทำซุชิกินเหมือนกัน แต่ก็
ต้องดูอารมย์บวกปริมาณความขี้เกียจที่มี แล้วคงจะตัดสินใจอีกที
วันพรุ่งนี้ คืนนี้จะได้นอนนานขึ้นละ ดีใจจัง ไปละวันนี้
.................................................

05 November 2006

เวปไซด์ (เก่า) กับ เพื่อน (เก่า) และ สนามบิน (ใหม่)


เพิ่งกลับไปเปิดดูเวปไซด์ ของเราอันดู เห็นแล้วก็อยากกลับไปทำใหม่
อยู่เหมือนกัน แต่คงไม่มีเวลาเพราะขนาดของเวปไซด์ไม่ว่าจะเป็น
เรื่องท่องเที่ยว และ เรื่องเพลง นั้นใหญ่เกินจะเอาเวลาว่างมาทำให้
มันเสร็จสมบูรณ์ได้ ถ้าจะลงมือเริ่มอีกเกรงจะต้องใช้เวลาทั้งหมด
เฮ้อ ยิ่งมีคอมใหม่ ทำให้เกิดความกระหายอยากที่จะทำเวปอีก แต่คงต้อง
รอเพราะแค่เขียนบล็อกเนี่ยยังไม่ค่อยจะมีเวลามาเขียนนักเลย
อยากให้วันนึงยาวกว่านี้จะได้มีเวลาพอที่จำทำอะไรตามที่อยากทำได้
ก็หากอยากลองเข้าไปดูเวปเก่าเราก็คลิ้กที่ทำลิ้งไว้บนตัวอักษรด้านบนนะ
..................................................................................................

เออที่ผ่านมาได้กลับเมืองไทย ได้ไปเจอเพื่อนเก่าที่ทำงานอยู่แค่ครั้งเดียว
แต่ก็ยังดีที่ได้ไปเจอ เนื่องจากวันเวลาที่กระชั้นชิด เราก็อยากอยู่นานๆ เจอกัน
ครั้งเดียวก็ยังดีกว่าไม่ได้เจอเลยเนอะ แวะไปกินอะไรกันที่โออิชิ ก็ยังแพง
เหมือนเก่าแต่ของดูจะน้อยลงชอบกล ส่งสัยจะลดเพราะราคาน้ำมันแพงมั้ง
ยังงัยก็ได้ลิ้มลองหอยแมลงภู่ใหญ่ยังจากนิวซีแลนด์ (เห็นป้าๆที่ไปด้วยกันบอก)
ก็อร่อย โชคดีปากกว้างก็เลยเก็บทั้งตัวเข้าไปในท้องได้

Photobucket - Video and Image Hosting


Photobucket - Video and Image Hosting

กลับครั้งนี้เป็นบ้านนอกเข้ากรุงยังงัยก็ไม่รู้ ไม่ได้เคยลองขึ้นรถไฟใต้ดิน
กับเขาเลย อยู่นี่ก็ไม่เคยใช้บริการรถใต้ดินที่อัมเตอร์ดัมเลย เห็นว่าสะดวก
สบายและรวดเร็ว ไม่รู้ว่าจะแน่นเอียดช่วงเวลาเร่งด่วนเหมือนที่ปารีส
หรือเปล่า คราวหน้าอาจได้ใช้บริการ
..........................................................................................................
ในที่สุดความภาคภูมิใจกของไทยก็ได้เปิดตัว
สุวรรณภูมิ ตื่นเต้นพอเครื่องลงเพราะเป็นครั้งแรกที่จะได้
ใช้บริการสนามบินนี้ คราวนี้ใช้เป็นผู้มาเยี่ยมเยือน
แต่ก่อนสนามบินเก่ากับตัวเรานั้นมันมีความสัมพันธ์อยู่อยากบอกไม่ถูง
มันเหมือนกับสถานที่ที่ได้ความให้ความบันเทิง
ให้พักผ่อน ให้ได้อาหารอร่อย และ
ให้ความสัมพันธ์ดีๆก่อเกิดและแข็งแรงขึ้น
แต่ตอนนี้สนามบินดอนเมืองที่เราเคยเดินเขาออกหลายครั้ง
โดยหวังว่าวันนึงจะได้เป็นผู้เดินทางเอง ก็ร้างลา
ขาดรอยยิ้มเสียงหัวเราะของการกลับมา
หรือรอยน้ำตาบนการลาจากของใครคนนึง
ยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นไปอย่างไรกับสนามบินที่มีค่าต่อ
จิตใจของคนไทยคนนึงอย่างเรา


Photobucket - Video and Image Hosting

Photobucket - Video and Image Hosting

สวรรณภูมิบนความใหญ่โต สิ่งที่เราเห็นก็ดูจะเป็นเหมือน
แค่สนามบินใหญ่ๆแห่งนึง ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับ-ส่ง
ตกแต่งด้วยความสวยงามแห่งความเป็นไทย
และความทันสมัย เราเองคงไม่มีความรู้สึกพิเศษเท่าไหร่
แต่ก็มีความดีใจ เพราะเพื่อเป็นการพัฒนาประเทศ
คนไทยเราต้องการสนามบินที่มีประสิทธิ์ภาพ
การท่องเที่ยวของไทยเราจะได้มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น


Photobucket - Video and Image Hosting

Photobucket - Video and Image Hosting

แต่ต้องยอมรับว่าไกลจริงๆเลย จากบ้านของเราเนี่ยะ
เสียเวลาการเดินทางมากเมื่อเทียบกับดอนเมือง นี่ถ้า
เขาตัดสินใจว่าจะใช้ทั้งสองสนามบินร่วมกัน เราคงเลือก
สายการบินที่ร่อนลงที่ดอนเมืองนะ เพราะความสะดวก
ต่อตัวเองบวกกับความสัมพันธ์อันเก่าแก่ เราคงจะดีใจ
มากกว่าหากเครื่องบินของเราแล่นลงดอนเมืองเหมือนเคย
............................................................................................
ก็เท่านี้ดีกว่าพรุ่งนี้ต้องไปทำงานละ เฮ้อ ขี้เกียจเป็นบ้าเลย

04 November 2006

เสาร์สะที


ในที่สุดวันเสาร์ก็มาถึง นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าเมื่อเสาร์ก่อน
ยังนั่งกินของอร่อยๆอยู่ที่เมืองไทย มาตอนนี้ก็มีแต่มาม่าห่อที่
ดูจะอร่อยกว่าอาหารหลายอย่างที่นี่ ก็ได้ร่ำลาหลานตัวน้อยของเรา


คงอีกสักพัก่อนจะกลับไปเที่ยวเมืองไทยอีกครั้ง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงขึ้น
อยู่กับเงินและเวลา ตอนนี้ได้กลับมาทำงานใหม่อีกละก็มีทั้งความรู้สึก
ดีใจและเบื่อหน่ายเคล้ากันไป ที่ดีใจคือมีงานมีเงินใช้ต่อ ที่เบื่อๆคือ
งานที่ทำและเพื่อนร่วมงานบางคนที่บ้าพลังชอบทำเป็นหัวหน้าบ้าบอ
............
การกลับที่เมืองไทยที่ผ่านมาได้ไปห้างเปิดใหม่สวยหรูเลิศ
สยาม พาราก้อน ก็ไม่คิดว่าห้างจะมีแต่ยี้ห้อดังๆเท่านั้น แล้วคนไทยจะเอาปัญญา
ไปซื้อได้มากเท่าไหร่ละเนี่ย คงเป็นช่วงลดราคาเท่านั้นละมั้ง เสื้อผ้าส่วนมาก
ราคาก็เท่ากับเงินเดือนเดือนนึงเลยก็ว่าได้

Photobucket - Video and Image Hosting

ก็อยากจะถ่ายภาพภายในไว้เหมือนกันแต่ก็เกรงใจกลัวเพราะเขาห้าม
ถ่ายรูปภายในห้างตามแถวหน้าร้านยี่ห้อดังๆเหมือนกัน แต่ก็ชั่งมันเหอะ

Photobucket - Video and Image Hosting

มาครั้งแรกที่พาราก้อน ก็เจอกินเงินไปด้วยเสื้อลดราคาของ
เอเบอครอมบี้ แล้วเราก็เดินเล่นกับป้าลัดและป้าสโนว์ในห้างใหม่
และแพงที่สุดในประเทศก็ว่าได้

Photobucket - Video and Image Hosting

ภาพบริเวณหน้าโรงหนัง กะจะได้เดินดูเผื่อมีหนังที่น่าสนุก
แต่สุดท้าย ก็ไม่ได้เลิกดูหนังสักเรื่อง แล้วสุดท้ายก็ไปเดินกัน
ที่มาบุญครอง
แค่นี้ก่อนดีกว่าต้องไปซักผ้าต่อเพราะยังเหลืออีกหลายตระกร้า

01 November 2006

กลับมาทำงาน



หลังจากหยุดกลับเมืองไทยไปสามอาิทิตย์กว่าๆก็ได้เวลา
กลับมาสู่โลกแห่งความจริง เริ่มงานวันแรกก็เบื่อๆเซ็งๆ
เลยไม่ค่อยทำอะไรวันนี้นอกจากเดินทั่วไปคุยกับคนโน้นที
คนนี้ที ก็ยังเงียะแหละวันแรก หลังจากการพักผ่อน

อากาศที่นี่แย่ลงมา มีพายุกระหน่ำ ตั้งแต่เช้าก็เจอฝนโปรย
เย็นจับใจ พอเลิกงานแล้วก็เริ่มมีดแล้ว ร้านค้าที่สถานีรถไฟก็
เปิดไปสว่างสไว เพิ่ง 5 โมงกว่าๆเอง เฮ้อ อีกไม่นานก็จะมืด
เร็วกว่านี้

เที่ยวที่เมืองไทยที่ผ่านมาก็ไม่ได้ไปไหนไกลมากนัก ส่วนมาก
ก็อยู่กลับเพื่อนเกลอ สองคนนี้




ดีใจที่ได้กลับเมืองไทยคราวนี้แม้จะเป็นแค่ระยะเวลา
3 อาทิตย์ แต่ก็ได้ทำอะไรหลายอย่าง สนุกมากเหมือนกัน
ก็ต้องขอบใจแกทั้งสองคนนะ หวังว่าอีกไม่ช้าคงได้เจอกันใหม่
ไว้ถ้ามีเวลาจะมาเล่าและลงรูปภาพมากกว่านี้ เกี่ยวกับการกลับ
เมืองไทยครั้งนี้ เพราะวันนี้คงยังมีเวลาไม่พอ ไม่อยากนั่งอยู่หน้า
คอมนาน จริงๆก็อยากนั่งนาน เพราะเป็นคอมใหม่ เพิ่มถอยมา
เมื่อวาน เปลืองเงินแต่ก็อยากได้เพระคอมเก่าช้าไปแล้วและก็มี
ปัญหาอยู่ด้วย ทีแรกก็ลังเล กับโนทบุค แต่ก็ตัดสินใจไม่เอา

ไปดีกว่าตอนนี้ คงได้มีเวลามาเขียนช่วงสุดสัปดาห์นี้มากขี้น

06 October 2006

วันสุดท้าย


แล้วก็มาถึงในที่สุด วันแห่งการล่ำลา ถึงแม้ว่าฉันและแกก็จะ
ต้องได้เจอกันอาิทิตย์หน้าอีกที่เมืองไทย แต่วันนี้ ที่นี่
แกกำลังจากไป

รู้สึงว่างๆ ยังงัยก็ไม่รู้ เมืองยูเทรค ก็คงเงียบลงสำหรับฉัน ถนน
สายเดิมของฉัน ก็คงมีแต่ฉัน ไม่มีเพื่อนเดินร่วม เหมือนเคย
แค่คิดก็เหงาแล้วละ

ยังรู้สึกว่ามีอีกหลายอย่างในชีวิตที่ยังไม่ได้ทำ เวลาที่ผ่านมา
รู้สึกไม่เพียงพอที่ได้ใช้ร่วมกับแก เส้นทางของเราที่นี่ก็คงจบ
ลงแล้ว วันสุดท้ายของแกกับการใช้ชีวิตที่นี่ จากนี้ไปเส้นทาง
ใหม่ของเราก็เริ่มต้น เมื่อแกต้องเลี้ยวซ้าย ส่วนฉันก็ยังคงต้อง
เดินตรงต่อไป หากโชคดีถนนของฉันอาจจะได้ไปบรรจบกับ
แกอีก ถ้าโชคดี...






วันนี้ก็เป็นวันที่ฉันก็ต้องเดินทาง ไม่กลัวหรอกวันนี้
แต่กลัววันที่ต้องกลับมา ที่นี่อีก เพราะรู้ว่ามันคงไม่
เหมือนเดิมอีกแล้ว

27 September 2006

จะได้กลับไปเที่ยวเมืองไทยสะที

  หลังจากที่บากบั่นทำงานมา ในที่สุดก็ได้เลือกเวลาที่ของจาก
ประเทศนี้ไปสักพัก เบื่อที่นี่เหมือนกัน ก็หลายๆอย่างปะปนไป บางทีก็
ไม่รู้เหมือนกันว่า มาทำอะไรที่นี่ 
 
  อาทิตย์หน้าวันศุกร์ก็ออกเดินทางละ กลับไปเยี่ยมคนที่บ้านสะที
จะได้กินอาหารอร่อยๆ ซื้อของที่อยากได้ ทำอะไรที่อยากทำมานาน
ที่สำคัญก็ได้ไปเจอหลานสะที่ รู้สึกแก่ขึ้นทุกๆวัน เดี๋ยวนี้ คงเป็นเพราะ
ทำงานหนักด้วย ก็เพราะต้องการเงินไปใช้ในเมืองไทยนะแหละ

   ปีนี้เป็นปีแรกที่จะกลับเมืองไทยแบบทำงานจนถึงวันเดินทางเลย
ก็คงไม่มีเวลามากนักสำหรับการแพ็คของก็เริ่มเตรียมๆแล้วเหมือนกัน
หวังว่าคงไม่ลืมอะไร ปีนี้ไปเปลื่ยนเครื่องที่เวียนนา ออสเตรีย จริงๆแล้ว
อยากไปออสเตรียมานานแล้ว แต่คราวนี้ได้แค่ไปเปลื่ยนเครื่อง ก็ยังโอเค
ไว้มีโอกาสคราวหน้าจะไปเที่ยวที่เวียนนา  คราวนี้ใช้บริการการบินของ
ออสเตรียนแอร์ หวังว่าคงจะมีบริการที่ดี  

  มีเวลาสามชั่วโมงกว่าๆ สำหรับเยี่ยมชมสนามบินออสเตรีย ก็คงเพียงพอ
เพราะคงไม่ใหญ่ แต่ที่น่าตื่นแต้นคือสนามบินของเมืองไทยเรา ไม่รู้จะเป็น
ยังไง หวังว่าคงยิ่งใหญ่ และเป็นที่น่าภูมิใจของคนไทย

  เหลือทำงานอีกแค่หกวัน ก็ได้ลางานไปกว่าสามอาทิตย์ อยากไปนานกว่านี้
จัง เอ้อ แต่ก็เกรงใจที่ทำงานเหมือนกัน แค่นี้ก็ดีถมละ
 
  ไปอาบน้ำละ พรุ่งนี้ต้องทำงาน อากาศก็เริ่มเย็นลง ตอนกลับมาจากเมืองไทย
คงหนาวมากละ


 

29 August 2006

น้าคนใหม่

 
วันนี้นั่งทำงาน ก็คิดเรื่องพี่เราทั้งวัน เพราะวันนี้เขามีนัดกับหมอ หลังจาก
ที่ต้องอุ้มท้องกว่าเก้าเดือน เจ้าเด็กน้อยก็เหมือนไม่อยากออกจากท้องแม่
ไม่ยอมเปลื่ยนท่านอนในท้อง พี่เราเองก็ไม่มีทีท่าว่าจะเจ็บท้อง กำหนดที่
จะคลอดก็เกินมาสองอาทิตย์ เราก็เป็นห่วงก่อนนี้ทุกครั้งที่โทรหาก็จะถามว่า
คลอดหรือยัง   พอเกือบเที่ยงเห็นมีข้อความจากออเร้นจ์ว่ามีมิสคอล เห็นเป็น
เบอร์พ่อก็รีโทรกลับ พ่อบอกว่า พี่คลอดแล้ว แต่เป็นผ่าตัดเอาเพราะไม่มีท่าที
ว่าจะเจ็บท้อง เป็นเด็กผู้ชาย ก็ดีใจและโล่งอกสะทีเพราะเป็นห่วงพี่เราตอนท้อง
ตอนนี้สบายใจ พี่เราก็แข็งแรงดี หลานก็หนักเกือบ 3.4 โล เสียกายที่ไม่ได้
อยู่ตรงนั้นกับทุกคนที่บ้าน ตอนนี้ก็มีสมาชิกใหม่เพิ่มอีกคน เราเองก็กลายเป็น
น้าจนได้ ไม่ชอบเลย แก่แล้วนะเนี่ยเรา

กลับมาบ้านก็โทรหาแม่ คุยกันครึ่งชั่วโมง เรื่องหลานแหล่ะ แม่ก็ดีใจ คุยเรื่อง
ชื่ออยู่เห็นพี่เรามีชื่อไว้ให้แล้ว แต่ก็คงต้องดูวันถูกโฉลกกับวันเกิดหรือเปล่าอีก
ตอนนี้ก็คงดูตั๋วจริงจังสะที อยากกลับเมืองไทยละ แต่คิดไปถึงตอนที่ต้องกลับ
มานี่ใหม่แล้วเซ็งล่วงหน้าเลย หน้าหนาวเสียด้วย เฮ้อ

ไปละเดี๋ยวจะไปหาตั๋วเครื่องบิน อยากกลับพร้อมๆกับเจ้าสโนว์ แต่ก็ของเช็ค
ราคาก่อน


13 August 2006

เรื่อง ความพยายามของแมลงวัน


วันนี้เป็นอีกวันที่ตัดสินใจทำก๋วยเตี๋ยวกิน หลังจากที่คราวก่อนทำกินช่วง
ที่อากาศร้อนจัด วันนี้อากาศเย็นลง เมื่อวานก็ฝนตกทั้งวัน คิดว่าคงไม่มี
ปัญหาเรื่องแมลงวัน 

ครั้งก่อน ตอนทำก๋วยเตี๋ยว มีแมลงวันเข้ามาในบ้านมาก ก็ไม่คิดอะไร
เพราะปิดอะไรมิดชิด โดยเฉพาะโถใส่หมูสับที่มีฝาปิด ก็ไม่ได้คิดอะไร
ตอนที่แมลงวันตัวเขียวตอมรอบฝา จนมาลองสังเกตุเห็น ว่ามันพยายาม
หย่อนยื่นตูดแหลมๆ ออกมาแยงเข้าไประหว่างฝาครอบกับตัวโถ ก็เอะใจ
มันทำอะไร พอเปิดมาเห็นฝูงใข่แมลงวันบริเวณขอบโถ แทบจะอวกออทันที

วันนี้ก็ทำหมูสับเหมือนเคย เสียดายเมื่อวานลืมถั่วงอก เลยเหมือนขาดอะไรไป
พอทำหมูสับเสร็จ ก็เริ่มรู้สึกมีอะไรบินไปมา ปรากฎหัวเขียวเจ้าเดิม รีบเข้ากัน
มาทันที ไม่รู้หมูสับของเรามันถูกใจอะไรนักหนากับพวกแมลงวันเนี่ย ครั้งนี้
มีบทเรียนเรื่องแมลงวัน เราเลยเก็บเอาหมูสับไว้ในไม่โครเวฟ เพราะปลอดภัย
แน่ๆ แต่สงสัยกลิ่นหมูสับเราจะเย้ายวนมาก แมลงวันพากันมาตอมที่ไม่โครเวฟ
เห็นบางตัวพยายามจะชอนไช เข้าไปที่ร่องระหว่างประตูไมโครเวฟ เห็นแล้ว
อนาจใจ ในความพยายามของแมลงวันตัวเขียวนี้มา ร่องระหว่างประตูก็เล็ก
เบียดตัวเองเข้าไปจนได้ แต่ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน เพราะมันปิดสนิท แต่เราก็ยัง
หวั่นๆเผื่อเผลอตอนปิดเปิดเอาหมูสับเข้าออก เจ้าแมลงวันมันอาจจะมีแผน
แอบซ่อนเข้าไปในรอในไมโครเวฟ เราจึงย้าย หมูสับเข้าไปไว้ในตู้เย็น

จากนั้นก็เริ่มยุทธการฆ่า แมลงวัน ทั้งสเปรย์ ทั้งไม่ตี สะใจมาก หากสังเกตุ
ดีๆที่ตัวแมลงวันหัวเขียว เวลาตีด้วยไม่ตี ตัวมันจะแตก หากเห็นกลุ่มก้อนสี
ขาวๆ แตกออกจากท้อง นั่นแหละใข่แมลงวัน วันนี้เห็นจะๆ

แมลงวันฉลาดกว่าที่เราคิด สกปรกกว่าที่เราคาด แพร่พันธุ์ก็เร็ว อันตรายมาก
คิดเหมือนกันว่า ขนาดเราพยายามรักษาสุขลักษณะที่นี่ ก็ยังเผลอไม่ได้กับ
ภัยของแมลงวัน  แล้วอาหารที่เราไม่ได้ทำเอง อาหารที่เราไปนั่งกินตามร้าน
มันจะพันภัยแมลงวันเหรอ ไม่ว่าที่นี่ หรือที่ไหนๆ คิดหรือเปล่าว่า กินใข่ของ
แมลงวันไปแล้วกี่ใบ ลองไปคิดกันดู

ไปนอนละ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานอีกละ เบื่อวะ

12 August 2006

วันแม่


ปีนี้ก็มาถึงอีกแล้ว กับวันแม่ เราก็ตื่นมาวันนี้ หาอะไรกินแล้ว
ก็ตั้งใจจะโทรไปหาแม่ เหมือนปีก่อนๆ จริงๆแล้วก็กะว่าจะไป
เมืองไทยช่วงนี้เพราะ เป็นช่วงที่พี่ใกล้คลอดด้วย กะรวบยอด
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไปเพราะเรื่องงาน เลยเลื่อนไปกะหากสัญญา
งานไม่ต่อก็คงจะกลับไปช่วงเดือนตุลา ปรากฎก็มาต่อสัญญางาน
ให้ไปถึงสิ้นปี อะไรหลายๆอย่างคงต้องวางแผนใหม่ ใจนึงก็ดีใจ
เรื่องงานที่มีต่อไป แต่ใจนึงก็เบื่อๆเหมือนกัน ทำมาได้เกือบสาม
เดือนเบื่อละ คงเป็นสิ่งที่ไม่ได้ชอบทำนัก หรือเป็นเพราะเบื่อคนที่
นี่ เอะ หรือเป็นเพราะไอ้โนว์มันจะย้ายไปละ ทุกวันนี้ก็ดีใจได้ทำ
งานที่เดียวกัน แม้จะเจอกันแค่ตอนเย็น แต่เดือนหน้ามันก็ไม่มา
ทำแล้ว เลยเซ็งเลย เฮ้อ เบื่อชีวิตที่นี่ละวะ

กลับมาวันแม่ใหม่ ก็โทรไปหาแม่ที่บ้านแต่ไม่มีคนรับสาย เลย
ลองโทรหาเข้ามือถือพ่อ ปราำกฎอยู่โรงบาล เราก็นึกว่าพี่เราจะ
คลอดแล้วเพราะกำหนดเป็นช่วงอาิทิตย์นี้ ที่ไหนได้ พี่เขยตกหลัง
คา พาไปหาหมอ ก็ไ่ม่มีอะไรหัก ก็กลับบ้านได้แต่ก็ช้ำระบมไปหมด
ซวย นะเนี่ย เราก็คุยกับแม่เรื่องทั่วไป เหมือนเคย บอกแม่ว่าเบื่อ
งานละ แม่บอก อะไรวะเพิ่งทำได้แค่แป็ปเดียว เบื่อละ ก็ไม่รู้สิ
รู้สึกแปลกกับการทำงานกับคนดัช

บอกแม่ว่าพรุ่งนี้โทรไปหาใหม่ เพราะเป็นวันอาทิตย์ ปกติจะโทรไป
ทุกอาิทิตย์ อาทิตย์หน้าวางแผนไปเที่ยวปารีส กับไอ้โนว์ คงดี
เหมือนกัน เพราะตัวเองก็อยากไปนานละ เคยไปมาเมื่อสี่ปีก่อน แต่
ก็ยังได้เที่ยวไม่ทั่วเลย คราวนี้คงได้เห็นอะไรมากขึ้น คงได้เอา
รูปสวยๆมาลงที่บล็อกอีกหลังจากไม่ได้ไปไหนมานาน แถมขี้เกี่ยจ
อีก ตั้งแต่ทำงานมาเนี่ย เหนื่อยทุกวัน

จันทร์นี้คนร่วมงานกลับมาเยอะขึ้้นเบื่อเลย ไม่่ชอบให้คนเยอะ
เสียงดัง ยิ่งเพิ่งกลับจากพักร้อนกันด้วย เล่ากันใหญ่ ไม่เป็นอัน
ทำงานกัน เราก็นั่งหัวบานทำงานอยู่คนเดียวทุกที่ เบื่อพวกดัช
บ้าน้ำลาย แถมเสียงดังอีกด้วย แล้วกูมาทำห่าอะไรวะที่นี่
เฮ้อ หวังว่าวันนึงในเร็ววันคงได้จากที่นี่เหมือนกันเสียที

07 August 2006

สิงหา มาแล้ว


เฮ้อ เดือนนี้ในที่สุดก็มาถึง เดือนที่จะบอกว่าเราจะแก่ขึ้นอีกปี
ทำไมหน้อ เราไม่อยากแก่ขึ้นเลย อยากอยุดอายุไม่ให้เกินนี้
ทำไม่ต้องแก่ขึ้นด้วย

เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เจ้าเพื่อนเกลอก็มาแวะเยี่ยมเยียน ทำเอา
เราทำงานวันเมื่อวันศุกร์แค่ครึ่งวันเพราะจะได้ทำความสะอาดบ้าน
ก่อนมันมา ตั้งแต่ทำงานมาก็ไม่ค่อยมีเวลาดูแลทำความสะอาดนัก
เลือกงานมาก็เหนื่อยไม่มีอารมย์ เสาร์อาทิตย์ก็อยากพักผ่อน เลย
ต้องเลือกเอามาหยุดครึ่งวัน ทำงานที่นี่ดีอย่าง อยากอยุดครึ่งวันก็
ได้เลย ไม่เหมือนที่เมืองไทย แต่ตอนนี้ก็เริ่มเบื่อหน่ายงานเหมือนกัน
คงต้องทนทำไปจนกว่าเขาเลิกจ้างเพราะอยากได้เงิน ถ้าสัญญาหมด
เมื่อไหร่ก็จะกลับไปเที่ยวเมืองไทยสักพัก เพราะปีนี้ยังไม่ได้กลับเลย

ใกล้วันแม่เข้ามาทุกที ปีนี้แม่คงยุ่งๆเพื่อเตรียมบ้านสำหรับหลายยาย
ที่จะเกิดอีกไม่กี่อาทิตย์นี้ เมื่อวานก็ได้คุยกับพี่ เสียดายที่ไม่ได้กลับ
ช่วงนี้อย่างที่วางแผนไว้ ไม่มีโอกาสได้เห็นและรับรู้ช่วงที่พี่เราท้อง
เห็นอีกทีคงหลังคลอดแล้ว อยากกลับไปอยู่บ้านจัง เฮ้อ คิดถึงแม่
สามปีที่ผ่านมาไม่มีโอกาสได้อยู่กับแม่ช่วงวันแม่ คงต้องเศร้าอีกครั้ง
เวลาได้ยินเพลงเกี่ยวกับแม่

สิงหาทีไรก็เป็นอย่างนี้ทุกที อยากรวยๆจะได้กลับไปเมืองไทยบ่อยๆ
คงได้แต่ฝันต่อไปว่างวดนี้ต้องถูกหวยแน่ จะได้ไม่ต้องทำงาน ขี้เกียจ
จัง โดยเฉพาะเรื่องตื่นเช้า ไม่ชอบเลย ถึงจะเริ่มชินแล้วก็ตาม แต่ก็ยัง
ไม่ชอบอยู่ดี เปลื่ยนตัวเองไม่ได้เลย เป็นคนตื่นยาก แถมนอนยากด้วย
กว่าจะฝืนหลับได้ ใช้เวลาไม่ต่ำกว่าชั่วโมง ไม่รู้เกิดจะคิดอะไรนักหนา
ช่วงกลางคืนเนี่ย

ไปละจะไปพยายามนอน

30 July 2006

ก็คงถึงเวลา ที่ต้องร่ำลา จากฉันถึงแก


จริงๆแล้วก็เก็บเพลงนี้ไว้นานแล้วละ คิดว่าวันนึงคงต้องได้ใช้มัน
แต่ไม่คิดว่ามันจะเร็ว พูดไม่ออกเหมือนกัน เมื่อรู้ว่าวันนึง
เพื่อนที่ดีที่สุดคนนึงของฉันกำลัง จะจากไกลอีกครั้ง....

มีหลายคำถามที่ยังหาคำตอบไม่เจอ เช่นว่า ทำไม่เราถึงโชคดี ที่ได้
เพื่อนดีๆ ทำไมเราถึงได้มาอยู่ที่นี่ใกล้กับเพื่อนคนนี้ และทำไม่เราต้องจากไกล
กันอีกครั้ง..

เส้นทางชีวิตของเี่ีรามันแปลกดีเนอะ เริ่มรู้จักแกได้สองปี แกก็จากไป
อเมริกา พอแกกลับมาก็ดีใจได้แค่สองปี แล้วแกก็จากไกลอีกครั้งแต่ครั้งนี้
ชั้นดิ้นรนจนมาได้อยู่ใกล้กับเพื่อนสนิทคนนี้อีกครั้ง มีเวลาร่วมสนุก ร่วมฝัน
กันได้ไม่นาน และ่มันก็ถึงเวลาอีกแล้ว เมื่อเราต้องมาถึงทางแยก
เมื่อแกต้องเลือกทางอีกทางนึง ทางที่ฉันยังไม่อาจก้าวเดินไปเป็น
เพื่อนร่วมทางของแกได้

ตลอดเวลาสามปีกว่าที่ฉันอยู่นี่ ฉันอุ่นใจตลอดเวลา เมื่อรู้ว่าอย่างน้อยฉันก็มีคนที่
พร้อมจะเข้าใจโดยไม่ต้องอธิบายอะไรมากมาย มีคนที่รู้จักฉัน จริงๆ อยู่ไม่ไกล
หลายครั้งที่ฉันรู้สึกท้อแท้ ชีวิตในต่างแดนต่างภาษา เพราะมีแกอยู่ มันทำให้ฉัน
เข้มแข็งขึ้น แล้ววันนี้แกกำลังจะจากไกล แล้วฉันจะเข้มแข็งได้เหมือนเดิมหรือ
เปล่า ฉันอยากเข้มแข็งให้ได้อย่างแก

ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตจะเป็นยังไงต่อไป เมื่อแกไม่อยู่
คงยากมากเหมือนกัน เมื่อต้องรับรู้ว่า ที่ตรงนี่ แกไม่ได้อยู่อีกแล้วและแกคงไม่
กลับมาอยู่อีกแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างที่เราวางแผนไว้ แต่ก็ไม่ได้ทำสะที
อยากจะไปล่องใต้อิตาลี่ อยากจะไปดูแมน ยูด้วยกัน มันคงจะค้างคาและ
ไม่รู้ว่าจะได้ทำมันร่วมกันไหม เมื่อไหร่.... ชีวิตฉันตอนนี้ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะไป
เป็นยังไง แต่ที่รู้แน่ๆ คือต้องยากขึ้นมาก เืมื่อไม่มีแก

ฉันคงต้องอยู่ที่นี่ไปอีกสักพัก จะพยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์และ
จะพยายามเข้มแข็งให้มากขึ้น หากฉันโชคดีอาจมีสักวันที่เราอาจได้ร่วมทางกันอีก
และเราคงจะได้เล่าเรื่องราวเก่าๆ ที่เรามักจะหัวเราะซ้ำแล้วซ้ำเล่า อีกครั้ง

คงคิดถึงแกมาก

 

29 July 2006

แฟนฉัน


วันนี้ได้ตื่นสายดีใจหน่อย ได้นอนเต็มๆสักที
โปรแกรมวันนี้ก็ ไม่มีอะไรมากมายนอกจากทำส้มตำกิน
หลังจากที่เมื่อวานไปเดินเล่นหลังเลิกงานที่ นีวีแคน ที่นี่ทุก
เย็นวันศุกร์ก็จะะเป็นวันที่ร้านค้าเปิดถึงสามทุ่ม ก็เลยไป
เดินเล่นหลังงานเลิก พอดีได้มะละกอมา ก็เลยทำส้มตำกิน
ได้ทำตำปูด้วย แต่ก็ไม่ค่อยอร่อยเพราะไม่ค่อยได้ทำตำปูกิน
หาปูเค็มยากที่นี่ นอกจากเมื่อวานได้มะละกอแล้ว เราไปแวะ
ร้านขายดีวีดี เหลือเชื่อไปเจอหนังไทย เรื่อง แฟนฉัน  ครั้งก่อน
ก็ซื้อเรื่อง องค์บาก จากที่นี่มา ครั้งนี้ได้เรื่องนี้ ดีใจมากเพราะ
ชอบมาก ไม่คิดเลยจะซื้อที่นี่ คำบรรยายมีแค่สองภาษา คือ
ดัชและฝรั่งเศษ ที่แรกกะจะเอาปกหนังที่เป็นภาษาดัชมาลง
แต่ขี้เกียจเอาไปสแกน เอาง่ายๆเป็นภาษาไทยที่ไปขโมย
เขามา ไม่ต้องสแกนเอง ฮิฮิ



เคยได้ดูหนังเรื่องนี้ครั้งนึงตอนกลับไปเมืองไทยเมื่อสองปี
ก่อน ก็คิดว่าจะซื้อมาเหมือนกัน แต่เบื่อเรื่องโซนของ
ดีวีดี ที่นี่เป็นโซนสอง ของเมืองไทยเป็นโซนสาม
เราเคยซื้อหนังมาจากเมืองไทย บอกว่าเป็นโซนรวม
แต่แล้วก็ดูไม่ได้ ตอนนี้ได้เรื่องนี้จากที่นี่ก็ดีใจมาก
ดูหนังเรื่องนี้แล้วทำให้คิดถึงตัวเอง ตอนเป็นเด็ก
มีอะไรหลายอย่างที่เราเกือบลืมไปแล้ว แต่พอมาได้
ดูหนังเรื่องนี้ก็ทำให้ความทรงจำหลายอย่างกลับคืนมา
ก็เศร้าๆ สำหรับหนังเรื่องนี้เหมือนกัน รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน
เมื่อคิดถึงวันเวลาที่ผ่านไป มันชั่งรวดเร็วจนบางทีไม่มี
โอกาสที่จะเก็บเอาเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น มาจดจำเอาไว้
ไม่มีโอกาสที่จะกลับไปทำอะไรที่คั่งค้าง ไม่มีโอกาส
ที่จะกลับไปเปลื่ยนแปลงสิ่งที่เคยเกิดขึ้น
เฮ้อ...ชีวิต

23 July 2006

พิมพ์ผิด


 ไปขโมยเขามา เห็นตลกดีเลยอยาเอามาลงเก็บไว




"เห็นผู้ชายที่ชอบนั่ง ไข่ห่าง แล้วรู้สึกยังไงคะ"
"เห็นผู้ชายที่ชอบนั่ง ไข่ห่าง แล้วไม่ค่อยรู้สึกอะไรคะ
แต่ส่วนตัวดิฉันไม่ชอบแบบ นั้งหอยลง แล้วสั่นๆ ทำให้ดูเสียบุคลิก"

"ลูกชายผมสองขวบมี ไข่ สูงมากให้กินพาราได้ไหม ขอคำตอบด่วนครับ"

"แฟนเป็นคน เสียว ดังมากครับ ผมอายคนอื่นเค้า ผมจะเตือนเธอยังไงดีครับ"

"กลุ้มใจจัง แฟนเราเป็นคนแข็ง เชื่อมั่นในตัวเองสูง ไม่ค่อยจะ อม ใครง่ายๆ"

"มีพี่ที่ทำงานคนนึงเพิ่งเข้ามาทำงาน
เธอเป็นลูกน้องผมแต่อายุแก่กว่าผมมาก
ผมจะ สอย เธอยังไงดีครับถึงจะไม่น่าเกลียด"

"สามีมีปัญหาในการนอนค่ะ เค้าชอบนอนหนุน หมอย นิ่มๆ
ไม่ทราบว่าเพื่อนๆ พอจะรู้จักยี่ห้อดีๆ มั้ยคะ
"

"นศ หญิงสมัยนี้ทำไมชอบใส่เสื้อชายสั้นๆ
แล้วปล่อยให้ หอย ออกมาอยู่นอกกระโปรงกันนะ ไม่น่ารักเลย"

"ถ้าง่วงก็ลองเคี้ยว หมาฝรั่ง ดูสิคะ เผื่อจะหาย"

"ถ้าพิจารณาความ เสี่ยว แล้ว คาดว่าคุ้มถ้าลงทุนต่อไป"

"เดือนหน้าดิฉันจะมีเพื่อนฝรั่งมาเที่ยวเมืองไทย เค้าชอบช้างมากค่ะ
ช่วยแนะนำทัวร์ที่มีโปรแกรม ขี้ช้าง ให้หน่อยได้มั้ยคะ"

"เจอ รูแฟนเก่า ในโทรศัพท์มือถือแฟน หมายความเยี่ยงไร"

"ผมหา ลึงค์ กระทู้หมาฝรั่งไม่เจอแล้วสิ"

"คอนเสิร์ตครบรอบ 20 ปี อัสนี-วสันต์ ครั้งนี้ มีแจก ปิ๊ มั้ยคะ "

"ไปดูคอนเสริตอัสนี วสันต์ ได้ฟังเพลงได้อย่าง เสียวอย่าง หรือเปล่าคะ?????"

"อยากไปเที่ยวท้องฟ้าจำลอง ที่ปิดไฟมืดๆ แล้วฉายภาพดาวน่ะค่ะ
ไม่ทราบว่าเข้าชมฟรี รึต้อง เสียตัว ด้วยรึป่าวคะ"

"ข่าวดีค่ะ ปลื้มใจอยากบอกไป ขยายรู แต่งงานมาแล้ว ออกมาสวยมากๆ
ขนาดแฟนเป็นคนไม่ค่อยพูด ยังออกปากชม ไม่รู้มาก่อนว่าดีแบบนี้ เพื่อนๆ
ไปขยายที่ไหนกับบ้างค่ะ"


"พี่ๆ ครับ ผมจะไปสอบใบขับขี้ พรุ่งนี้
แต่ผมยังไม่ชำนาญเรื่องการถอยรถเข้าซ่องเลย ใครพอแนะนำเทคนิคได้บ้างครับ"

"อาจารย์โลหการสีคะ ปีนี้ข้อสอบวิทย์จะเน้นอก
เรื่องอะไรคะ หนูจะได้เตรียมตัว ท้อง มาแต่เนิ่นๆ"

"ลูกชายมีปัญหากับอาจารย์พละค่ะ ครูเขาบอกมาว่าชอบใช้ท่าเดิมๆ
ให้เปลี่ยนท่าเมื่อไรชอบโมโห พุ่งลงมา น้ำแตก ทุกที
แล้วอย่างนี้จะได้คะแนนดีเหรอค่ะ วัยรุ่นชอบดื้อ อุตส่าห์ส่งไปเรียนโดดน้ำ"

"ถามเลขาค่ะ พานายฝรั่งไปไหนดี ไม่ชอบซิสเลอร์เลย
วันก่อนไปกินกับนายฝรั่งหลายคน สั่งไส้กรอกรวม กินแล้ว เงียนมากๆ

"ผมมีปัญหากับแฟนใหม่ของเธอครับ ไม่น่าคิดมากเลย
แค่โทรเรียกเธอมาเจอเพราะอยาก เลียร์ ให้มันสบายทั้งสองฝ่าย"

"ขอถามหน่อยค่ะ ใบพลูเดี๋ยวนี้หาซื้อได้ที่ไหน คุณยายข้างบ้านกินแต่
หมาเปล่าๆ มานานแล้ว บอกว่าเคี้ยวไม่อร่อย"

"อู๊ย..บาร์บีคิวพลาซ่าก็เป็นค่ะ...ปล่อยให้ หอย เราแห้งคาที่เลย
ไม่ยอมยกออกซะที รอแล้วรออีก เห็นเข้ามาทีละสองสามคน"

"หนูแอบชอบเค้าอยู่ ทำไงหนูถึงจะได้ รูถ่าย ของเค้าคะ"

"แถวสีพระยามีร้าน อัดรู ดีๆ มั้ยครับ ผมอยากอัดรูน้องฟิล์ม อ้อ แล้ว
รู ขนาด 4" x 6" นี่จะเล็กไปมั้ยครับ"

"ถ้าจะว่าเรื่องฝีมือ ข้าวคลุกกะ ปิ๊ แฟนเก่าผมนี่ที่หนึ่งเลย
ฝีมือระดับชาววัง ไม่แฉะ ไม่เหม็น ไม่เค็ม"

"จะไปเชียงใหม่ค่ะ หนุ่มคนเมืองที่ไหนพอแนะนำได้บ้างคะ อยากถามว่า
ขนมจีน น้ำเจี๊ยว ที่ไหนอร่อยถึงใจบ้าง


22 July 2006

บ้าของลดราคา


ตั้งแต่ทำงานมานี้ ไม่ค่อยมีเวลาได้ไปไหนเลย ก็พยายาม
เก็บตังอยู่แต่ก็ไม่ง่ายสำหรับคนอย่างเราที่มีแต่ความต้องการ
วันนี้ก็ตัดสินใจซื้อรองเท้าคู่ใหม่ ในที่สุดหลังจากคิดมาตั้งนาน
แล้ว เพราะร้องเท้าผ้าใบคู่เก่าก็คงเหนื่อยกับการพาเราไปทำงาน
เราลงทุนเพราะอยากได้รองเท้าดีๆ แต่ราคาดีแพงเอาที่ 80 ยูโร
เฮ้อ ยังงัยก็คิดว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า


ตอนนี้ก็รู้สึกอยากไปเที่ยวเหมือนกัน แต่คงคิดหนักหน่อยเพราะใจ
นึกก็อยากเก็บเงินเอาไว้กลับไปเที่ยวที่เมืองไทย แต่อีกใจก็อยาก
ไปหาที่พ้กผ่อนแถวยุโรปนี้ ต้องชั่งใจ สุดท้ายไม่ได้ตัดสินใจอะไร
เลย กว่าจะตัดสินใจได้เงินเก็บคงหมดไปกับของใช้ส่วนตัว เราดัน
เป็นพวกห่วงภาพลักษณ์ เขาว่าเป็นลักษณะของคนเกิดราศีนี้ เบื่อ
จริง นี่ก็เล็งกางเกงไว้ตัวราคาก็เท่ากับรองเท้าเดี๊ยะ เฮ้อ แพงวะแต่
สวย อาจหากลองใส่แล้วไม่สวยก็ได้ ต้องคิดนานหน่อย ช่วงนี้ทุก
ร้านก็ติดป้ายลดราคากระหน่ำ เราก็ชอบของลด คงเป็นมาแต่เกิด
แล้วละเรื่องนี้ ตอนอยู่เมืองไทย ก็อดรนทนไม่ได้เวลา Chap
และ Jaspal ลดราคา ไหนจะเครื่องหนังอย่าง Ragaze เห็น
เป็นต้องแวะซื้อ นิสันนี้ก็ติดมาต่อ เฮ้อคาดว่าเดือนหน้าราคาจะลด
ลงอีก สงสัยเงินจะไม่เหลือเที่ยว

ช่วงนี้ไม่รู้จะร้อนอะไรนักหนาที่นี่ นอนแทบไม่ได้ แค่ตอนนี้นั่งพิมพ์
ก็เหงื่อแตกออกพลั๊ก เฮ้อคาดว่าจะยังร้อนอีกสักพัก อยากได้แอร์
ตอนนี้ ยังไงก็อัดพัดลมเอา ทีเดียวสองตัวเลย เปิดกระหน่ำไปทั่วห้อง

ตั้งแต่ทำงานมาก็นอนแต่หัววัน วันนี้ดึกหน่อยเพราะสุดสัปดาห์ละ
ยังไม่ดึกมากนักหากเทียบกับเมื่อก่อนตอนไม่ทำงาน แต่สำหรับ
เราตอนนี้ ง่วงมากคงต้องลาไปนอนดีกว่า ง่วง ง่วง พรุ่งนี้กะตื่นสาย
หากอากาศร้อนไม่เข้ามาปลุกนะ

16 July 2006

อดีตที่ค้นเจอ


คนที่เกิดปีพ.ศ. 2519 - 2527
ว่ากันไหมครับ สิ่งต่างๆมันเกิดมาคาบเกี่ยว
ในช่วงเวลาของคนที่เกิดในปีเหล่านี้
จนอดคิดไม่ได้ว่าทำไมเราช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ ที่ได้เกิดมาทัน
แต่ใช่ว่าคนที่เกิดปี พ.ศ.ก่อนหน้าหรือหลังจากนี้จะไม่ดีนะครับ
แต่บางอย่าง ก็ไม่สามารถที่จะอินกับคนยุคก่อนหน้าได้เลย
เพราะตอนที่พวกเค้าเป็นเด็กมันยังไม่มี ส่วนคนที่เกิดมาหลัง
เค้าก็จะไม่รู้จัก หรือมองมันเป็นอดีตไปแล้ว
จะให้มาซาบซึ้งอย่างคนยุคเราคงไม่มีทาง คือมันมีดีเป็นแต่ละยุคไป
แต่ยุคที่ว่านี้ แต่ละอย่างมันก็เข้ามาลงตัวจริงจริง
ในยุคที่

1.คุณเป็นรุ่นสุดท้ายที่ได้เล่น มอญซ่อนผ้า กระโดดยาง รีรีข้าวสาร
เป่ากบ ฯลฯ โดยไม่ต้องไปหาดูตามงานวัด หรืองานแสดงศิลปะวัฒนธรรม

2.คุณเกิดมาร้องเพลงขอมอบดอกไม้ในสวนได้ทัน ในยุคที่พี่แจ้ นกแล
นิติธัตน์ ยังดังและเมื่อโตขึ้น คุณก็ยังไม่แก่เกินไปที่จะฟังดีทูบี

3.คุณได้เห็นคาราบาวยุคก่อนประวัติศ่าสตร์ เฟื่องฟู และเสื่อมถอย
(เรเนซองค์)

4.คุณได้เห็น ก็อต จักรพันธ์ (คนเดียวกับ เจ้าชายลูกทุ่ง)
ยังร้องเพลงสตริงวัยรุ่น และคณะวงดนตรีชื่อดังอย่าง แอ๊ดเทวดา
(ยังติดคุก)

5.คุณเกิดมาทันพอดีในยุคที่
รองเท้าและถุงเท้านักเรียนแลกซื้อของเล่น (หลอกเด็ก)
และหลังจากหมดยุคคุณ มันก็ไม่ทำมาหลอกเด็กอีกเลย

6.คุณโชคดีที่เกิดมาทันในยุคที่เมืองไทย มีดาราเด็กชื่อดังอย่าง
น้องตูมตาม เพราะสามารถนำมาเปรียบเทียบ กับความน่ารักของ น้องพลับ
ในยุคนี้ได้

7.คุณโตมาพร้อมกับโงกุน ดราก้อนบอล มันออกฉายทีวีครั้งแรกปี2529
–2538 หนังสือการ์ตูนอัพเดท ทุกสัปดาห์ มีพิมพ์ทุกสำนัก
ไม่มีการดองเพราะยังไม่มีลิขสิทธ์ อ่านแล้วไปดูช่อง9อีกยังมันส์
ถามเด็กผู้ชายยุคนั้นไม่มีใครไม่รู้จักพลังคลื่นเต่า
กินเวลา10กว่าปีถึงจะจบ ( แต่เด็กรุ่นใหม่ใช้เวลาอ่านแค่วันเดียว)

8.สุดยอดแห่งการ์ตูนก็มีในยุคนี้ เช่น เซ็นต์เซย่า เจ็ทแมน จีบัน
เกียบัน ชาลีบัน ซึบาสะ ไอ้มดแดง อุลตร้าแมน เซเลอร์มูน รันม่า1/2 ฯลฯ
มันก็เข้ามาฉายตอนเราอยู่อนุบาล -ประถม
แล้วพอขึ้นชั้นมัธยมมันก็ค่อยๆหายไป (แล้วฮีโร่ของเด็กยุคนี้ล่ะ จา พนม)

9.คุณเกิดมาทันพอดี กับช่วงเกมกด วีดีโอเกม คอนตร้า มาริโอ พอโตขึ้น
ก็ยังไม่แก่เกินไปที่จะเล่น play station และทามาก็อตจิ

10.จงเติมคำในช่องว่าง
มดแดงกำลังเป่าปี่ มานี……………........................มานะชอบใจ
ไม่ยากใช่ไหมสำหรับเพลงดังในยุคคุณ  

11.ในช่วงเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น คุณก็โตมาพร้อมกับอาร์เอส
ยุคที่นักร้องอายุไล่เลี่ยกับคุณออกเทปกันให้ควั่ก และคุณยังได้เห็น
ตำนานร็อค หรั่ง หินเหล็กไฟ เสือ อิทธิ ไฮร็อค ล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา
หลังการเข้ามาของเต๋า ทัช บอยเก๊าท์แก๊งใจง่าย
หลังจากนั้นก็เป็นยุคทองของอาร์เอส โดยแท้จริง (แต่นั่นมันอดีต
ยุคนี้เขาห้ามเอาของเกี่ยวกับอาร์เอสเข้าบ้าน)

12.หนังไทยก็ทำมาตามวัยของคุณ แล้วมันก็มีเยอะจริงๆ กลิ้งไว้ก่อนฯ
อนึ่งคิดถึงฯ น้ำเต้าหู้กับครูระเบียบ ปีหนึ่งเพื่อนกัน กระโปรงบานขาสั้น โลกทั้งใบ
เด็กเสเพล พอคุณโตเข้าหน่อยก็มีหนังอย่าง โอเนกาทีฟ จักรยานสีแดง
แล้วที่ทำมาโดนใจคนยุคนี้จริงๆ อย่างหนังระลึกชาติ แฟนฉัน

13.คุณโชคดีมากๆที่เคยร้องไห้ ตอนฟังเพลง เราและนาย ของโลโซ
ในงานวันปัจฉิมนิเทศน์ เพราะตอนนี้
คงไม่ทีใครเสียน้ำตาให้กับเพลงนี้อีกแล้ว
เพราะเนื้อเพลงช่างตรงข้ามกับภาพลักษณ์ของวงสิ้นดี

14.คุณได้ซึมซับอารมณ์ และบรรยากาศของการเข้าฉายครั้งแรก
ของสุดยอดหนังตื่นตา ตื่นใจในยุคนั้นอย่าง terminater2 jurassic park
speed-เร็วกว่านรก (ภาคหลังอย่าได้พูด)

15.คุณรู้ว่า “ช้าไปต๋อย”
คือคำพูดที่สุดฮิตของโฆษณาชิ้นหนึ่งในยุคของคุณ
หาใช่ความหมายที่เด็กเข้าใจว่า ต๋อย ปลาร้า เชื่องช้าแห่งไอทีวีไม่

16.รองเท้าแตะในตำนานอย่าง scholl (สกอลล์)
ก็มาฮิตที่สุดในยุคคุณนี่แหละใส่กันทั่วบ้านทั่วเมือง ( ร้อยละ 70
ของเด็กวัยรุ่นในยุคนั้นโดนขโมยแต๊บมาแล้ว)

17.คุณเกิดมาทัน ได้ดูลิเวอร์พูลยุคล่าอาณานิคมยุค’80
และตกเป็นเมืองขึ้นยุค’90 จนถึงปัจจุบัน

18.ตอนมัธยมสิ่งที่ทำให้คุณบ้าบาสเกตบอลเพราะชิคาโก้บูล ร็อตแมน
โอนีล พิพเพน จอร์แดน และการ์ตูนแสลมดังค์ ไม่ได้บ้าเพราะอยากโชว์สาว

 

15 July 2006

วันที่ผันผ่าน


 ดีใจที่สุดสัปดาห์ วันนี้ก็นอนตื่นสายหลังจากที่ต้องตื่นแต่เช้าไปทำงาน
วันนี้ก็นั่งรถไฟไปเดินเตร็ดเตร่ที่ยูเทรค อยากได้รองเท้าใหม่ เดินดูพวก
รองเท้ากีฬาอย่างเดียวเพราะใส่สบาย คงเลือกที่ดีหน่อยเพราะที่ถูกไป
ใส่แล้วทำเอาเป็นตาปลาจนตอนนี้ยังไม่หายเลยเบื่อจริง คนเยอะไปหมด
โดยเฉพาะร้านรองเท้า ไม่เข้าใจจริง มีวันตั้งมากมายให้มาเลือกซื้อ
รองเท้าดันจะมาเป็นวันเดียวกับเรา สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อคนเยอะจัดขี้เกียจรอ

อากาศร้อนวันนี้ ทำเอามึนๆหัวอยู่จนตอนนี้ก็ยังไม่หาย สงสัยต้องหายากิน
ละ เบื่อเรื่องแพ้อากาศของตัวเองจริงเลยเนี่ย อาทิตย์ที่ผ่านมาก็ยุ่งทั้งอาทิตย์
เพราะเขาเร่งงาน อาทิตย์หน้านี้คนไปพักร้อนกันเยอะ อิจฉาเหมือนกัน บาง
คนไปห้าอาทิตย์แหน่ะ นี่ถ้าเป็นเมืองไทยคงโดนไล่ออกไปแล้วละ แบบไป
พักร้อนตลอดกาลน่ะ เราเองก็คงต้องดุ่มๆทำงานต่อไปเรื่อยๆ ปวดหัววันๆ
อ่านทั้งวันภาษาดัชเนี่ย ตาลายไปหมด เมื่อวานก็ทำอยู่คนเดียวร้อยกว่าไฟล์
เขาก็ไม่ได้บังคับหรอก เห่อไปเอง จริงๆก็อยากจะรึบทำๆให้หมด จะได้ไม่
ต้องมาค้างคา กะว่าอาทิตย์หน้าจะไม่โหมทำอีก

อีกไม่นานเจ้าเพื่อนตัวดีมันก็จะย้ายไปอีกละ เส้นทางของเราคงถึงทางแยก
ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ร่วมทางกันอีกครั้ง คิดแล้วก็เศร้าเหมือนกัน ยังงัย
ก็ตามชีวิตแต่ละคน ก็มีเส้นทางของตัวเอง เรามาถึงจุดๆนี้ ได้ร่วมทางกันมา
ตอนนี้คงทำได้แค่เก็บเอาวันเวลาเก่าๆ เอามาไว้ให้คิดถึง  ตัวเราเองก็ยังไม่รู้
ว่าจะอยู่ที่นี่ไปอีกนานเท่าไหร่ ไม่รู้เหมือนกันว่าเส้นทางต่อไปจะเป็นยังงัย
กลัวเหมือนกันกับอนาคตที่ไม่อาจคาดคะเนได้ เราเองคงจะอยู่นี่ต่อไปอีกสักพัก
หากวันนั้นของเราคงมาถึง วันที่เราคงต้องกล่าวคำลาที่นี่ เราคงรู้สึกแปลกๆ
เหมือนกัน เพราะว่าชีวิตเราส่วนนึงได้ถูกใช้ที่นี่

27 June 2006

ยุ่งแต่งาน


วันนี้ก็ยุ่งทั้งวัน คนช่วยงานไม่ได้มาวันนี้ เลยต้องรับเอามาหมด
ไม่มีเวลาจะมาอัพบล็อกเลย เบื่อจริงไหนจะมีบอลโลกและ
เทนนิสวิมเบอดัน ยุ่งไปหมด

เมื่อวานทำเอาปวดหัวทั้งวัน ตั้งแต่ที่ทำงาน จนกลับบ้าน กลางคืน
ก็นอนเร็ว กินพาลาไปสองเม็ด สงสัยคงเป็นเพราะอากาศที่เปลื่ยน
แปลง เมื่อเช้่าที่ที่ทำงานก็เกิดอาการมึนๆ หายใจขัดๆ โชคดีที่มี
ยาดมติดตัวตลอด บ่ายๆ อากาศสดใสขึ้น รู้สึกดีขึ้น พยายามเร่ง
งาน แต่ก็เสร็จไม่ทัน กลับบ้านดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยทำต่อ

คืนนี้คงนอนดึกอีกนิด รอดูบอล เมื่อวานเสียใจแทน ออสเตรเลีย
พลาดท่านาทีสุดท้าย เสียโทษที่ไม่ควรจะเป็น เบื่อวะ อิตาลี่ เล่น
ก็ไม่ดีเลย แต่กลับมีโชค บราซิลเพิ่งจบไป ชนะขาด เห็นเล่นดี
ขึ้นเรื่อยๆมีโอกาสเป็นแชมป์อีกตามเคย คงต้องรอดู

ไปดีกว่า กินเข้าละ

18 June 2006

วันที่กินปลา


เมื่อวันศุกร์เลิกงานแล้วตั้งใจว่าจะไปกิน อาหารจีนหลังจากอยากมาหลายวัน
แล้วเราก็เลิกไปกินที่ร้านอาหารในเมืองนีวีแกน ร้านนี้มีสองชั้น ชั้นล่างเป็น
อาหารจีน ชั้นบนเป็นอาหารญี่ปุ่น เราก็ลังเลเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็เลือก
เป็นอาหารญี่ปุ่น เราก็เลือกเมนูเซทมา ราคานั้นก็ทำเอากระเป๋าแห้งเลย
แต่ก็อย่างว่า อาหารญี่ปุ่นแพงอยู่แล้ว ร้านนี้เราไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน
คือจะนั่งรอบกระทะแบนๆแล้วจะมีพ่อครัวมาทำอาหารให้กินต่อหน้าเลย
เราก็เห่อเลือกเมนูปลา เพราะอยากพยายามกินปลาให้มากๆ ซึ่งจริงๆแล้วไม่
ชอบเลยกินปลาเนี่ย

แล้วเมนูก็มาด้วยซุชิปลาซาล์มอนกับทูน่า เราก็ตั้งใจลองกินอย่างมากแต่ก็
ผ่านไปด้วยดี พอเมนูที่สองมาพ่อครัวก็มาผัดปลาต่อหน้า ดูแล้วก็น่ากินดี
ไม่รู้ว่าเป็นปลาอะไรแต่ผัดแล้วก็อร่อยใช้ได้ หลังจากปลานี้ก็มีมาผัดกุ้ง
และหอยเชล ซึ่งทั้งสองอย่างเป็นของโปรดเราอยู่แล้ว จากนั้นก็มาเป็นซุป
และตบจานหลักปลาอะไรซักอย่างกับข้าวผัดที่พ่อครัวผัดโชว์ต่อหน้า เราก็
กิน กิน ๆๆ ทีแรกก็ไม่คิดว่าจะกินเข้าไปได้ แต่สุดท้ายก็เกลี้ยง นับว่าถือเป็น
วันที่เรากินปลามากที่สุดตั้งแต่เกิด จริงๆแล้วส่วนนึงก็งกด้วยเพราะแพงเอา
การถ้าไม่กินกลัวขาดทุน ครานหน้าจะกลับมากินอีกแต่คงไม่เอาแบบเมนูละ
เพราะแพงเหลือ อุตส่าห์ยอมอดดูบอลฮอลแลนด์เตะ เพื่อกิน ทำงัยได้เพราะ
เมื่อท้องหิวแล้วอะไรก็ห้ามไม่อยู่

ได้กินอาหารดี(หรือเปล่า)ครั้งนี้ก็ถือว่าให้รางวัลกับตัวเองสักนิด เพราะ
มาทั้งอาทิตย์ แต่คงทำบ่อยไม่ได้เพราะคงเจ้งแหง๋ๆ ถ้าเป็นอาหารจีนยัง
พอไหว ไว้อาทิตย์หน้าจะไปกินอาหารจีน

ตอนนั่งดูพ่อครัวทำอาหารญี่ปุ่นแล้วนึกถึงไอ้โนว์ ถ้ามันมาด้วยคงคว้า
กล้องออกมาถ่ายรูปแล้ว จริงๆแล้วก็อยากถ่ายเหมือนกัน แต่อายคนอื่น
เพราะที่นั่งเป็นแบบโต๊ะรวม

พรุ่งนี้จะทำก๋วยเตี๋ยว หลังจากอยากมาเป็นอาทิตย์ละ ซื้อเส้นก๋วยจับ
มาด้วยคราวนี้ ว่าจะประยุกต์ใช้กับก๋วยเตี๋ยวธรรมดา เออเริ่มง่วงอีกละ
ตั้งแต่มีงานทำ เราก็นอนเร็วผิดปกติ เฮ้อ อยากถูกหวยที่นี่จะได้ไม่ต้อง
ทำอะไรเลยนอกจากเที่ยว ฮ่า ฮ่า เก็บไปฝันหวานประจำ พรุ่งนี้ตื่นแล้ว
ต้องโทรหาแม่ คงรอถามเรื่องงานเหมือนเคย พี่นกคงท้องโตมากๆแล้ว
ป่านนี้ ยังไม่รู้เลยว่าเดือนสิงหาจะได้กลับเมืองไทยหรือเปล่า ก็คงต้อง
รอดูเรื่องงานและเงิน

ไปดีกว่า แค่นี่ละ วันนี้ดาวโหลดเพลงมาเพียบ ไว้จะเอาลงมือถือไว้ฟัง
ตอนไปทำงาน

14 June 2006

มึนงานวะ

Photobucket - Video and Image Hosting



วันนี้นั้งมึนตั้งแต่เช้า เริ่มงาน อ่านไฟล์สะปวดตาปวดหัวไปหมด
พอได้พักเที่ยง แล้วก็ค่อยยังชั่วไปนั่งคุยกับไอ้โนว์มัน แล้วก็แยก
ไปทำงานต่อ บ่ายแก่ๆงานก็ลดลงจนหลังสามโมงครึ่งไม่มีงานมา
คนงานก็หายกันไปหมด เหลืออยู่สองคนทั้งยูนิท เราก็นั่งรอจน
ถึงเวลากลับบ้าน

อากาศค่อยเย็นขึ้นหน่อยวันนี้ มีฝนปะปราย แต่เมื่อวานนี่ร้อนตับแตก
รอรถไฟตั้งนานปรากฎมันไม่มา ไม่รู้ทำไม ก็เลื่อนไปรออีกคันถัดไป
คนก็รอกันเต็มไปหมด รถขบวนนี้ก็มาช้า พอมาถึงจอดปุ๊ปก็ตบตีแย่ง
กันขึ้น จนแน่นแทบหาอากาศหายใจไม่ได้เนื่องจากร้อน รถไฟที่นี่ไม่มี
แอร์สะด้วย ทำเอาเหมือนอยู่ในเตาอบ โชคดีที่ใช้เวลาแค่แปดนาทีถ้า
นานกว่านี้สงสัยจะเป็นลม

พรุ่งนี้อากาศเย็นลงอีกหน่อยก็คงหลับสะบายขึ้นหลายคืนที่ผ่านมากว่า
จะฝืนหลับได้ก็ใช้เวลาพอควรเพราะมันร้อน เออได้เวลานอนละ
พรุ่งนี้ทำงาน

10 June 2006

เส้นทาง


ในที่สุดการทำงานเกือบเต็มสัปดาห์แรกก็ผ่านไป
หลังจากที่ก่อนเริ่มงานก็วิตกกังวลเพราะเป็นงานแรกใน
ต่างแดนต่างภาษา แต่แล้วเราก็เอาตัวรอดได้

เริ่มงานตั้งแต่อังคารที่ผ่านมา ก็อบรม เรียนข้อมูลพื้นฐาน
นั่งฟังไปก็มึนๆไป มองซ้ายมองขวา เหมือนว่าเราจะเป็น
คนเดียวที่ฟังเข้าใจไม่ได้ทั้งหมด คนอื่นเขาก็มีสอบถาม
เพิ่มเติม เราก็พยายามทำความเข้าใจให้มากที่สุด
พอวันพุธเช้า ก็อบรมพื้นฐานระบบข้อมูลในคอมที่ต้องใช้
ดูในการทำงาน หลายคนโชคดีที่ได้รหัสเข้าดูข้อมูลเลย
บางคนรวมตัวเองเข้าไปด้วยอยู่ในกลุ่มผู้โชคร้าย ยังไม่
ได้รหัสผ่าน ตอนบ่ายก็แยกออกเป็นกลุ่มย่อยไปเรียน
การดูข้อมูลในคอม เราถูกแยกออกมาจากกลุ่มเพราะยัง
ไม่ได้รหัสผ่านเลยต้องไปนั่งพิมพ์ข้อมูลเข้าคอมที่แผนกอื่น
ก่อน วันพฤหัส ก็ถูกแยกออกคนเดียวไปประจำกลุ่มย่อยๆ
ของหน่วยงาน ก่อนเริ่มงานก็วิ่งหารหัส โชคดีที่คนที่ดูแลกลุ่ม
ช่วยเหลือ สุดท้ายได้รหัสมาเข้าระบบและเริ่มงาน
วันศุกร์ก็ดีใจเพราะจะได้หยุดสุดสัปดาห์ละ ทำงานตั้งแต่
แปดโมงครึ่งจนห้าโมงก็กลับบ้าน

ก็ผ่านไปด้วยดี(คิดว่านะ)อาทิตย์หน้าทำเต็มอาทิตย์ วันละ
แปดชั่วโมง ท่าต้องเหนื่อยแน่ อาทิตย์ที่ผ่านมาต้องตื่นเช้าไป
ทำงาน เหนื่อยเหมือนกัน หวังว่าคงจะชินในเร็ววัน โชคดีที่ได้
เริ่มงานในช่วงฤดูร้อนเพราะถึงเลิงงานแล้ว แดดยังเปรี้ยงอยู่
ทำให้เหมือนยังมีเวลาเหลือให้ตัวเองอยู่หลังเลิกงาน
ที่ดีใจคืออาทิตย์หน้า ไอ้โนว์กลับมาละ คงได้เจอมันเกือบทุกวัน

ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาก็มีปัญหาเรื่องอื่นที่ไม่ใช่งาน มาให้ต้อง
คิดต้องเครียด ก็เบื่อๆเหมือนกันอยู่นี่ อยากกลับไปอยู่เมืองไทย
เหมือนเดิมเหมือนกันแต่ยังรู้สึกว่าเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากที่นี่
ยังไม่พอ อยากทำงานนานกว่านี้ และได้เรียนสิ่งที่อยากเรียนจาก
ที่นี่ด้วย รวมถึงเรื่องเที่ยวในยุโรปให้คุ้มก่อน ไม่รู้เหมือนกันว่า
จะเป็นยัง ถ้ามันเป็นไปไม่ได้ ก็คงต้องยอมรับความเป็นจริง
คงต้องพยายามทำตรงนี้ให้ดีที่สุด

บอลโลกก็เริ่มแล้ว เริ่มๆดูอยู่เหมือนกัน ที่นี่สีส้มประดับประดา
ไปทั้ว คนฮอลแลนด์ให้ความคาดหวังกับทีมชาติสูงมากจนอาจ
สร้างความกดดันให้กับทีมมากเกินไป กลัวเหมือนกันว่าจะพลาด
ท่าให้ทีมอื่นเสียง่ายๆ ยังงัยพรุ่งนี้แมทช์แรกจะคอยดู

04 June 2006

เริ่มงานกับความกลัว


หลังจากได้ข่าวเรื่องงานที่ต้องเริ่มทำวันอังคารนี้แล้วทำเอาเราเกร็งๆกลัวๆ
เพราะนี่จะเป็นครั้งแรกที่เริ่มทำงานในต่างแดน สามปีที่ผ่านมาก็เก็บเกี่ยวภาษา
มาพอควร แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเพียงพอกับงานนี้หรือเปล่า กลัวเป็นบ้าเลย
หวังว่าคืนพรุ่งนี้คงนอนหลับได้ ไม่ได้เตรียมยาช่วยผ่อนคลายอารมย์ไว้ด้วย
เพราะเวลาตื่นเต้นมากทีไรเป็นอันนอนไม่หลับทั้งคืน นึกถึงตอนที่เริ่มทำงาน
ครั้งแรกตอนอยู่เมืองไทย งานแรกก็เล่นเอาเราตื่นเต้นและกลัวๆกล้าๆเหมือนกัน
กว่าอะไรจะเริ่มเข้าที่เข้าทางก็กินเวลานานพอสมควรเนื่องจากมีข้อมูลที่ต้องเรียน
รู้มาก แต่เมื่อเทียบกับงานนี้ แล้วเราไม่ได้กลัวเรื่องการทำงาน แต่ที่กลัวคือภาษา
พยายามหางานที่ใช้ภาษาอังกฤษมานาน แต่ก็ไม่มีเข้ามา มีแต่งานภาษาดัชเนี่ย
จะรอดไหมเนี่ย
แถม เจ้าเพื่อนตัวดี สโนว์ ก็หนีไปเที่ยวซะ
ไม่งั้นคงมีมันช่วยได้บ้างในช่วงแรก ว่าไปแล้วก็แปลกเหมือน
กันว่าได้เข้าทำงานที่เดียวกับมัน แต่คงเป็นคนละยูนิทกัน บางที่เรื่องบางอย่างก็
เหลือเชื่อนะว่า คนเราที่เป็นเพื่อนกันมานาน จะมีเส้นทางที่ต้องมาร่วมกันใน
ต่างแดนอย่างนี้ ไม่รู้เส้นทางจะขีดชีวิคไปอีกเช่นไร ระหว่างเพื่อนสองคน
เฮ้อมะรืนนี้ละ เราจะเริ่มงาน ถึงแม้ว่า
จะเริ่มแบบสัญญาสองเดือนก่อน (เข้าคงกะไล่ออกถ้าไม่ไหวจริง)
เราก็ดีใจเพราะหากได้เริ่มงานที่นี่แล้วต่อไปก็หางานอื่นได้ง่ายขึ้น
ส่วนนึงที่ดีใจมากคือ
จะได้เริ่มชีวิตที่นี่แบบเต็มที่ซะที ถึงแม้อาจไม่ใช้ชีวิตทั้งชีวิตที่เหลือที่นี่ก็ตาม
แต่เราจะได้เริ่มเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างเต็มที่
ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ รู้จักคนใหม่ๆ ยังงัยก็จะพยายามให้ถึงที่สุด

30 May 2006

แมวของแม่


เมื่อวานโทรไปหาแม่ตามกิจวัตรทุกวันอาิทิตย์ ส่วนมากจะได้คุยกับพี่ก่อน
ตอนนี้พี่เราก็ท้องปล่องได้ 6 เดือนครึ่งละ ก็เป็นห่วงมากเพราะงานที่
บริษัทก็ยุ่งๆอยู่ด้วยอาจะได้เป็นผู้จัดการเร็วๆนี้ ท้องแรกของพี่เราก็ตื่นเต้นกัน
เรากะจะกลับไปช่วยช่วงใกล้คลอดแต่ยังไม่แน่นอน

พี่บอกว่าแมวของแม่ โดนรถชนตายเพิ่งเลี้ยงมาได้แค่สามเดือน
แต่ทำเอาแม่ร้องไห้เพราะแมวสองวัน
แม่ก็ดีขึ้นแล้ว เรารู้ว่าแม่ไม่เคยร้องไห้ให้สัตว์เลี้ยงตัวไหนเลย
และเราก็ยังไม่ เคยเห็นแมวตัวนี้ด้วย แม่ไม่เคยชอบแมวเลย
และที่บ้านก็ไม่เคยเลี้ยงแมว นี่เป็นตัวแรก

ทุกครั้งที่โทรหาแม่ แม่จะพูดถึงแมวบ่อยมาก
เลยรู้ว่าแม่รักมันมาก นั่นเป็นเพราะแมวตัวนี้คลายเหงาให้แม่
แม่โชคดีได้แมวดีที่ดีและเชื่อง
ทุกครั้งที่แม่กลับบ้าน มันจะมาเคล้าคลอ ดีใจที่แม่กลับบ้าน
เหมือนมันรู้ว่าแม่รักมันมาก แม่บอกว่าบางที่
แค่เดินออกจากห้องนอนตอนกลางคืน มันก็ดีใจกระโดดเกาะขาแม่
ก่อนวันมันตาย แม่เล่าให้ฟังว่า มันเหมือนรู้
ว่าตัวเองจะตาย มันนอนเหม่อบนเครื่องซักผ้า ดูแปลกตาไป

จนเมื่อวันศุกร์ แม่กลับบ้านแล้วก็เรียกมัน
ปกติมันวิ่งมาด้วยความดีใจ แต่วันนี้มันไม่มา
แม่ไม่ได้เอะใจคงคิดว่ามันไปเล่นเพลิน
จนพ่อมาบอกว่าคนข้างบ้านเห็นมันโดน
รถชน แล้วร้านค้าช่วยเอาไปฝังให้ แม่ร้องไห้โห
แม่ยังบอกเราว่า ในชีวิตแม่
แม่ไม่เคยรักสัตว์เลี้ยงตัวไหนเท่าตัวนี้
เราตอบแม่ว่า ผมรู้ครับแม่

28 May 2006

คนสวนกับอากาศที่แปรปรวน


เมืื่อวานซืนได้ต้นไม้/ดอกไม้มาฟรีจากญาติ ก็เลยต้องลงแรงปลูกอีกละ
ใกล้หน้าร้อนเข้ามาที่ไร คนที่นี่เป็นต้องเริ่มทำสวน เราก็เหมือนติด
เชื้อนี้เขาไปด้วย ทั้งๆที่ทำสวนให้สวนก็เพื่อได้ชมเชยเพียงแค่ประมาณ
3-4 เดือนจากนั้นก็ต้นไม้ก็เริ่มตายหดหาย


ก่อนนี้ไม่เคยรู้มากนักเกี่ยวกับต้นไม้ ตอนนี้จากประสบการณ์สร้างสม
เองก็เริ่มเข้าใจมากขึ้นเพราะต้นไม้ที่นี่ไม่เหมือนบ้านเราแบบปลูกแล้วช่างมัน
ที่นี่เราต้องมาดูว่าจะต้องตัดกิ่งออกทิ้งเดือนไหน ต้นไหนห้ามตัดกิ่ง
สารพัดสารแพ แต่บางที่ก็คุ้มเหมือนกันกับการลงแรง หากได้มีสวนสวยๆ
ไว้ให้ชื่นชมตลอดหน้าร้อนที่กำลังมาถึง

ตอนนี้อากาศแปรปรวนทั้งลมทั้งฝน ที่ดีก็คือไม้ต้องรดน้ำต้นไม้นัก
แต่ที่น่าเบื่อคือ เปียกแฉะไปหมดลมก็แรงจัด แถมหอยทากก็เยอะ
เอายาฆ่าไม่ทันเลย เบื่อมากเพราะชอบมากินดอกไม้เสียหายหมด
เรื่องการแทยาฆ่าทาก ก็ยังต้องดูสภาพอากาศด้วยไม่ใช่จู่ๆจะไปเท
เฮ้อ มีอะไรหลายอย่างที่เรายังต้องเรียนรู้แม้กระทั้งการฆ่าหอยทาก


เทนนิส โรลองค์ การ์รอส ก็เริ่มละถ่ายทอดสดทุกวันตั้งแต่ 11 โมงเช้า
ไปจนถึงสองทุ่ม เราก็ติดเทนนิสมาหลายปีละ ช่วงสองอาิทิตย์นี้คงอยู่
หน้าทีวี เกือบทั้งวัน แต่ก็ดีใจนะเพราะถึงแม่จะถ่ายทอดคู่ที่ไม่ชอบ
ก็ยังเปิดทิ้งไว้เพื่อฟังเสียง

วันนี้ก็อยู่คนเดียว ดีใจเหมือนกันเพราะเป็นคนชอบความเงียบ ว่าึคืนนี้
จะเลือกหนังดีวีดี แล้วทำป็อปคอร์นกิน นี่แหละคือว่าสุข นึกถึงตอนอยู่
เมืองไทย พอถึงวันหยุดจากงานมักจะแวะเช่าหนังที่ซึทาย่าแล้วแวะ
บิกซีซื้อขนมไว้กินตอนดูหนัง นี่คือความสุขอย่างมากอย่างนึงของเรา
ตอนนี้มาอยู่นี่ อะไรก็ไม่เหมือนเดิม

19 May 2006

ลูกชิ้นหมู


วันนี้ตกลงใจลองทำลูกชิ้นหมู หลังจากที่ไปหาสูตรทางเนทมา
ก็เลยไปซื้อหมู มาเกือบโล เลือกชิ้นหมูเอาแบบที่มีมันน้อย แล้ว
ขอให้เขาบด หากซื้อหมูบดที่เขาบดสำเร็จไว้แล้วจะมีมันเยอะไป
ทำให้ลูกชิ้นหมูไม่เด้ง เห็นเคล็ดเขาบอก ก็เอาตามเขา เพราะนี่เป็น
ครั้งแรกที่ทำ เพราะอยากกินลูกชิ้นหมูปิ้งมานานแล้ว


พอได้หมูบดมาก็มาเข้าเครื่องปั่นต่อจนละเอียด แล้วก็ใส่เครื่องปรุง
เกลือ น้ำปลา น้ำตาล ผงฟู น้ำมันพืช แป้งข้างโพดและน้ำเปล่า
ผสมกันแล้วก็เริ่มนวด นวด นวด เคล็ดบอกให้นวดจนหนืดติดมือ
แล้วก็เอาไปแช่ช่องแข็งครึ่งชั่วโมง ระหว่างรอก็เตรียมหม้อต้มน้ำ
หากใช้ระบบแก็สคงลำบากนิดเพราะเขาไม่ให้ต้มลูกชิ้นในน้ำเดือด
ของเราก็ควบคุมระดับความร้อนได้ ก็เอาแบบไม่เดือด จากนั้นก็เริ่ม
ทำ เหมือนทีวีที่เคยเห็น เขาเอาเนื้อหมูกำไว้ในมือแล้วบีบให้เนื้อ
ออกมาระหว่างนิ้วชี้และนิ้วโป้งแล้วก็เอาช้อนปาดลงน้ำ เคล็ดบอกว่า
ยิ่งบีบแน่นเท่าไหร่ ลูกชิ้นก็เด้งมากขึ้นเท่านั้น เราก็เพิ่งทำ
ครั้งแรกก็ไม่ค่อยคล่อง ขนาดก็ไม่เท่ากันเท่าไหร่ แต่ก็ทำสำเร็จ
ได้ลูกชิ้นสมใจ เด้งด้วย ส่วนเรื่องรสชาด เค็มไปนิด แต่ก็ยังอร่อย


อ้อลืม หลังจากเอาออกจากช่องแข็งก่อนต้ม ให้เติมพริกไทยตำไม่
ละเอียด จะได้มีรสชาดมากขิ้น จริงๆแล้วก็ไม่ยากกว่าที่คิด ก็ดีใจ
ที่ทำได้ในที่สุด เสาร์นี้ว่าจะลองย่างกิน เรื่องน่ำจิ้ม ไม่ยากคล้ายทำน้ำ
จิ้มใข่ลูกเขยเลย แต่เติมพริกป่นและผักชีลงไป เติมเค็มเปรี้ยวหวาน
ตามชอบ เฮ้อ อีกอย่างที่ทำได้แล้ว ก่อนไม่เคยคิดจะทำเลยเพราะ
อยู่เมืองไทย ซื้อยังถูกสะกว่า พออยู่นี้ หาซื้อยังแทบไม่ได้เลย

ครั้งนี้ก็สำเร็จดังใจ หลังจากครั้งก่อน ผิดพลั้งกับกุ๋ยฉ่ายที่ยากกว่าที่
คิด ตอนนี้อยากกินข้าวเกรียบปากหม้อ แล้วจะลองค้นหาสูตรอีกที

30 April 2006

ตกค้าง Leiden and Keukenhof



เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ได้ไปเที่ยวเมือง Leiden และต่อด้วย
สวนที่สวยที่สุดในโลก(ความคิดเห็นสวนตัว)หลังจากที่เราเคยไป
Leiden มาเมื่อสองปีก่อน และ Keukenhof เมื่อสี่ปีก่อน




ครั้งนี้ที่ Leiden มีอะไรที่พิเศษกว่าครั้งที่แล้วคือ มีการโปรโมท
400 ปีของกวีดัง Rembrandt ที่เกิดเมื่อปี ค.ศ 1606 ที่เมืองนี้
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้าง ถนน ก็ล้วนใช่ชื่อของกวีเอกผู้นี้เป็น
เหมือนเอกลักษณ์ของเมือง



การเดินชมเมืองของเรา ก็ได้เยี่ยมชมสถานที่ต่างๆที่เกี่ยวกับเรมบร้านท์
อย่างเช่น บริเวณที่เกิด ที่ที่เคยอาศัย และโรงเรียนภาษาลาตินที่เขาเคย
เรียนมาก่อนที่จะเดินทางไปอัมส์เตอร์ดัม


นอกจากเมืองนี้มีกวีท่านนี้เป็นเหมือนสัญญาลักษณ์ของเมือง ตัวเมือง
Leiden เองยังมีความสวยงามและความเก่าแก่ผสมอยู่ ถึงแม้ว่า
เมืองนี้จะเป็นเสมือนเมืองของการศึกษา ที่มีนักเรียนจากนานาประเทศ
มาร่ำเรียน ที่นี่ก็ยังคงเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่ให้ความสนใจเมือง
และที่สำคัญเป็นเหมือนสถานีเชื่อมต่อสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการ
ไปชมสวยชื่อก้องโลกอย่าง Keukenhof


เราใช้เวลาเดินอยู่ใน Leiden กว่า 3ชั่วโมง ก่อนออกเดินทางมุ่งสู่
Keukenhof ที่หางไปแค่ประมาณ 18 กม. พอมาถึงสวนนี้ ก็ต้อง
เป็นอันตกใจกับจำนวนของรถยนต์และรสบัสทัวร์ ที่จออยู่ทั่วบริเวณลาน
จอดรถ สวนนี้เปิดให้บริการตั้งแต่มีนาคม แต่ช่วงที่จะได้เห็นความสวยงาม
ของสวนคงเป็นช่วงอาทิตย์สุดท้ายของเดินเมษายนจนสวนปิด เพราะหาก
มาเร็วไป ดอกไม้จำนวนมากจะยังไม่แย้มบาน ยิ่งปีนี้อากาศหนาวนาน



ความแตกต่างจากเมื่อสี่ปีก่อนที่เราเคยไป คือ คราวนี้ต้นไม่ใหญ่จำนวน
มากเพิ่งจะเริ่มแตกใบยังไม่เห็นความเขียวขจีผิดกลับเมื่อสี่ปีก่อนทั้งๆที่
เป็นช่วงเดียวกันเป๊ะ แต่เรื่องของดอกไม้แล้ว ก็บานสะพรั่ง หอมอบอวน
ไปทั่วสวนเลย แม้คนจะเยอะมากแต่ก็ยังคงมีมุมให้ทุกคนได้ถ่ายรูป
เก็บเอาสีสรรค์ของธรรมชาติไว้เป็นที่ละลึก



ครั้งนี่ที่สวนมีการจัดให้ดอกไม้ขึ้นเป็นรูปใบหน้าของ กวี เรมบร้านท์ ด้วย
ที่นี่ก็ให้ความสำคัญกับกวีเอกท่านนี้มาก เพราะชื่อเสียงของเขานั้นทำให้
ชาวโลกรู้จักประเทศเนเธอร์แลนด์มากยิ่งขึ้น


คงอีกนานกว่าเราจะกลับไปที่สวนนี้ใหม่ ยังงัยก็ตามสำหรับเรา ที่นี่ก็คือ
สวนที่สวยที่สุดในโลก

29 April 2006

Belgium - stop by Dinant


(ต่อ)

Dinant อยู่ระหว่างทางกลับ เราเลยตัดสินใจแวะเพราะ
เห็นในรูปดูแล้้วน่าสนใจ ประมาณ 40 นาทีเราก็มาถึง
ไม่คิดว่าจะเต็มไปด้วยผู้คนได้มากขนาดนีื้ เราหาที่จอดรถแล้ว
ก็เดินเรียบน้ำขึ้นไป รถแน่นไปหมดทั้งรถยนต์และมอร์เตอร์ไซด์
คงเป็นเพราะอากาศที่ดีประกอบกับบริเวณรอบเมืองเป็นเนินเขา
และมีวิวที่สวยงามทำให้คนเลือกที่จะออกมาชมบรรยากาศ


เราไม่มีเวลากันมากนักที่นี่ เพราะยังต้องขับรถกลับอีกไกล
จึงรีบไปหาอาหารกินกัน ก็ได้อาหารอิตาลี่ึ ไม่แพงมากแถม
อร่อยมากๆอีกด้วย จากนั้นก็นั้งเคเบิ้ลขึ้นไปชมปราสาทของ
เมืองที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ชมปราสาท ถ่ายรูปเมือง แล้วเราก็
ออกจากเมืองร่วม 6 โมง


อยากจะเก็บประวัติของเมืองมาเล่าเหมือนกัน แต่เวลาเยืือนเมือง
แค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็เลยไม่ได้เก็บเกี่ยวเอาความรู้สึกที่มีต่อเมืองมา
มากนัก แต่ก็ดีใจที่ได้แวะมาเยือน


อ้อ เมืองนี้เป็นเมืองแห่งต้นกำเนิิดของ แซ็คโซโฟน



-จบ-

Belgium - goodbye Bouillon


(ต่อ)

เราก็กลับมาถึงโรงแรมสิบห้านาทีก่อน หกโมง มีเวลาน้อยนิด
ก็ได้อาบน้ำอาบท่าก่อนลงไปหาอะไรกิน จริงๆแล้วก็ตกลงใจว่าจะ
กินหอยแมลงภู่นึ่ง เห็นมีอยู่หลายร้านเลย ถัดจากเบียร์ ช็อคโกแลด
ก็มีหอยแมลงภู่เนี่ยที่ขึ้นชื่อ ในเบลเยี่ยม หากใครเคยไปบรัสเซล
ก็อาจเห็นร้านอาหารขายหอยแมลงภู่ตั้งอยู่กลาดเกลี่อน เราเองก็
ชอบกินมากๆเสียด้วย พอจบของคาวก็ตบท้ายด้วยของหวาน ทำเอา
แน่นเหมือนกัน เห็นคนขายหอยบอกว่าที่เมืองเล็กๆนี้มีร้านอาหารไทย
ด้วย ก็ไม่คิดเหมือนกัน ไม่งั้นอาจจะลองไปอุดหนุน


ค่ำคืนที่นี่เงียบสงัดเลว คงเป็นเพราะเป็นเพียงเมืองเล็กๆท่ามกลางหุบเขา
และยังไม่ถึงฤดูท่องเที่ยว จึงทำให้คืนวันเสาร์ไม่มีอะไรนอกจาก แสงจาก
อาคาร กับถนนที่ว่างเปล่า ทอดยาวรอวันที่จะมีผู้คนมาแวะเวียน


เช้าวันอาทิตย์มีหมอกปกคลุมเมือง แป็ปเดียวก็ไปร่งสดใส ก่อนออก
จากเมืองเราแวะเข้าชมปราสาท Bouillon ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาล้อม
ด้วยแม่น้ำ สร้างตามยุทธศาสตร์การรบ บนปราสาทก็สามารถมองเห็น
วิวของเมืองได้ชัดเจน ให้ความรู้สึกถึงทหารที่เข้าเวรยามดูแลเมืองใน
อดีต โชคดีที่พอดีมีการแสดงโชว์นก เช่น นกฮูก เหยี่ยว และ อีแร้ง ที่
ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ดูแล้วก็ไม่อยากเชื่อว่านกที่มีขนาดใหญ่
จะยอมรับการฝึกฝนจากมนุษย์อย่างเราๆ


หลังจากนั้นเราก็ตัดสินใจลา Bouillon นี่อาจเป็นครั้งแรกและครั้ง
เดียวที่เรามาที่เมืองนี้ื ไม่เสียใจ แม้จะมีขี้หมาบ้างตามริมทางเดินก็ตาม
แต่มนต์เสน่ห์ของเมืองนี้ก็จะยังคงอบอวน และไม่มีวันเลือนลาง

Bye Bouillon

(มีต่อ)

Belgium - visit Orval


(ต่อ)

หลังจากที่เดินสำรวจเมือง Bouillon และนั่งพักดื่ม เราก็ต้องบึ่งรถกันไปต่อที่
โรงเบียร์ Orval อยู่ที่เมือง Villers-devant-Orval ประมาณ 35 กม
จาก Bouillon ที่นี่เป็นโรงเบียร์เก่าแก่ที่ริเริ่มโดยนักบวช สำหรับที่เบลเยี่ยมนี่
ไม่แปลกเพราะเบียร์ส่วนมากที่นี่มักจะมาจาก Abbey ที่นักบวชอยู่แต่ของ Orval
นี้โรงเบียร์ได้ปรับเปลื่ยนให้ทันสมัยและกลายเป็นธุรกิจที่สำคัญของพระ ปีนี้เราโชค
ดีที่มีโอกาสได้มาเยี่ยมชม ถึงแม้เราจะไม่ค่อยใส่ใจนักกับขั้นตอนการผลิตเบียร์
แต่ก็เป็นคนที่ชอบกิินเบียร์คนนึง แต่ก่อนไม่เคยรู้เลยว่าเบลเยี่ยมเป็นประเทศของ
เบียร์ พอได้มาที่นี่ก็ถึงกับอึ้งที่ประเทศเล็กๆอย่างเบลเยี่ยมกลับมีเบียร์เป็นร้อยๆยี่ห้อ
แถมหลากหลายรสชาดและที่สำคัญ ความเข้มของแอลกอฮอล์ก็ต่างกัน แม้่กระทั้ง
เบียร์ยี่ห้อเดียวกัน ก็ให้รสชาดต่างกันขึ้นอยู่กับวันผลิต หากเก็บบ่่มไว้นาน ก็จะ
ให้รสชาดอีกแบบนึงได้


กลับมาที่เบียร์โอร์วาล หลังจากที่ชมโรงงาน ก็แน่นอนว่าต้องได้ชิมเบียร์ฟรี เพราะ
เป็นปรกติของทุกโรงเบียร์ เราเคยไปดูงานที่โรงเบียร์ไฮนีเก้นที่นนทบุรี ก็ได้กินเบียร์
ฟรีเหมือนกัน โอวาลก็เป็นเบียร์สีเข้ม (dark beer) รสชาดก็เข้าข้นกว่าเบียร์
ที่เมืองไทย ยิ่งได้กินกับชีสที่เขาเสริฟฟรี ยิ่งอร่อยเข้าไปใหญ่ สุดท้ายก็ยกเบียร์
กลับมาลัง พร้อมชีสอีกโลนึง


นอกจากการได้เข้าชมโรงเบียร์ซึ่งอยู่ในพื่นที่ของวัด(ขอเรียกเป็นวัดดีกว่า)
เราก็แวะเขาไปชมส่วนของวัด พี่นที่ล่องรอยเก่า ซากปรักหักพักที่ถูกเผาทำลาย
ไปในช่วง French revolution มองแทบไม่เห็น ถึงความเป็นมาของอดีต
แต่ก็สามารถรู้สึงถึงความเก่าแก่ กลิ่นไอของอดีตที่ยังคงอบอวนไปทั่วขอบเขต


เดินบนรอบบริเวณนี้ก็เล่นเอาขาแข้งเมื่อยเหมือนกัน เบ็ดเสร็จก็ร่วมเกือบ 5 โมง
เย็น แล้วก็ขับรถกลับไป Bouillon

(มีต่อ)