28 December 2007

Knokke Zoute, Belgium

หวังจากถ่ายแบบแล้ว ก็ได้เวลาช็อปปิ้ง ฮิฮิ พูดเป็นคนดังไปได้
ก็แค่คนบ้ารูปตัวเองเท่านั้นแหละ พอได้รู้ที่ชอบก็ได้เวลาไปเดิน
ย่านช็อปปิ้งริมทะเลของคนรวยๆในเบลเยี่ยม Knokke-Zoute
ย่านนี้ก็มีของแพงเยอะ เสียดายร้านใหญ่ดังๆยังมีไม่มากเท่าที่
อัมเตอร์ดัม กับ แอนเทริบ แต่ก็มีร้านโปรของเรา คือ



คนในร้านเพียบ ที่นี่ไม่ต้องคิวเข้าร้านเหมือนที่ โรม หรือ มียาม
หน้าโหดอย่าที่ ปารีส ที่นี่กับมีพนักงานเพียงพอที่พร้อมให้บริการ
ไม่ต้องรอนานก็มีพนักงานเข้ามาถามแล้ว ถึงเข้ามาดูเฉยๆเขาก็ดู
ไม่ว่าอะไร ที่แอนเทริบก็เหมือนกัน พนักงานยิ้มแย้มไปหมด
ไม่เหมือนที่อัมเตอร์สดัม หน้าไม่ค่อยรับบุญเท่าไหร่ส่งสัยคงเบื่อ
การให้บริการคนเอเชียมั้ง เพราะไปที่นั่นทีไรมีแต่เอเชีย ที่นี่ กับ
แอนเทริบ ไม่มีคนเอเชียเลย คงมีแค่เราคนเดียวแหละที่ไปเดิม
ด่อมๆมองๆดูราดราว ก่อนจะเดินเข้าไปในร้านด้วยความมั่นใจ
เพราะแต่งดัวดี ที่สำคัญหน้าตาก็ดีด้วย ฮิฮิ



จริงๆมาคราวนี้เล็งกระเป๋าตังค์ Damier Canvas หรือลายเป็น
ตารางหมากรูกน่ะ เพราะเช็คราคามาแล้ว พอไหว สุดท้ายก็ได้มา
ครอบครอง รู้สึกตัวเองเป็นโรคติดวิตตองยังไงไม่รู้ สงสัยต้องไป
ถ้ำกระบอกเพื่อหักดิบ แต่คิดว่าคงหักดิบตัวเองได้ เพราะคิดว่าจิตใจ
ยังแข็งแรงพอ จริงๆแล้วก็ไม่คิดว่าติดเติดอะไรหรอกเพียงแค่ เรา
พอมีกำลังที่จะซื้อเท่านั้นเอง หากคิดว่าเกินกำลังไม่ไหร่ก็คงไม่ซื้อ
แน่นอน



ช่วงก่อนคริสมาตที่ย่านนี้ มีผู้คนจำนวนมากมาจับจ๋ายซื้อของกันเพียบ
ถนนก็น่าเดิน ขนานกับถนนที่เส้นติดหาด มีร้านอาหาร ของกินก็เยอะ
ราคาก็สูงกว่าที่อื่นเพราะเป็นย่านคนรวย รถยนต์ยี่ห้อแพงๆก็จอดกันเกรื่อน
เห็นแล้วก็อยากรวยมั่ง แต่ก็ยังว่า มีพอให้เหลือใช้ เหลือเก็บ ก็เกินพอละล่ะ



ร้านที่นี่เปิดวันอาทิตย์ถึงหกโมงครึ่ง เหลือเชือเหมือนกันเพราะมีไม่กี่ที่ในยุโรป
ที่ร้านค้าเปิดวันอาทิตย์ ยกเว้นพวกเมืองหลวง แต่ถึงกระนั้น ในต้วเมืองหลวง
ย่านช็อปปิ้งหรูๆ ก็ไม่เป็นวันอาทิตย์อย่างที่อัมเตอร์ดัม เรามาที Knokke-
Zoute นี้ตั้งแต่ประมาบ่ายสอง จากโรงแรมที่พักก็แต่สิบกว่าโล แต่ถนนเล็ก
คดเคี้ยว เราเลยเดินทางกลับกันตอนห้าโมงเย็น แค่นี้ก็มึดแล้ว



การขับกลับก็ ค่อนข้างลำบากเพราะมืดแล้วก็มีหมอกลงด้วยเพราะอากาศที่
เย็นลง โชคดีที่มีเนวิเกชัน ก็ไม่ค่อยกลัวหลงเท่าไหร่ แต่ก็ยังต้องมองทางดีๆ
เพราะไม่ค่อยมีไฟถนน เราก็กลับถึงโรงแรมที่พักปลอดภัย พร้อมกับวิตตอง
ไว้ให้ชื่นชม(มากกว่าใช้) อีกใบ

27 December 2007

Photo shoot at Cadzand

วันเสาร์ที่ผ่านมา ที่ออกเดินทางไปเทียวทางใต้ของฮอลแลนด์
นั่นก็คือเขต Zeeland แต่เขตที่ไปนั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นของ
เบลเยี่ยมมากกว่า หากลองดูที่แผนที่ จะเห็นว่ามีส่วนหนึ๋งของ
ฮอลแลนด์ที่ไม่มีเขตผืนดินติดกับผืนดินของฮอลแลนด์ เราไม่
เคยไปที่นี่มาก่อน และเพียงแค่ สิบกีโลกว่าๆก็เข้าย่านชอบปิ้งคน
รวยริมทะเลของเบลเยี่ยมละ ก็เลยเลือกที่นี่ ที่จริงแล้วที่บริเวณนี้
ของฮอลแลนด์หากเป็นช่วงหน้าร้อนจะมีคนมาพักเป็นจำนวนมาก
เพราะมีหาดทรายที่กว้างขวาง เราเองมาครั้งนี้ก็ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่อง
ทะเล เพราะเลือกเอาโรงแรมที่ค่อนข้างสบาย มีสระว่ายน้ำภายใน
ตัวอาคาร ห้องพักก็ธรรมดา อยู่ชั้นล่างใต้ร้านอาหารของโรงแรม
เสียงจึงค่อนข้างดัง หากคราวหน้ามาพักใหม่คงเลือกห้องชั้นบน
ดีกว่า การมาเที่ยวคราวนี้ เป็นการมาลองถ่ายภาพเล่นของคนที่
เพิ่งได้กล้องใหม่ ส่วนเราก็อาสามาเป็นนายแบบให้ เราก็ได้รูปส่วยๆ
ของตัวเองมาเยอะเหมือนกัน เราเลือกโพสเป็นสไลด์ดีว่าเพราะง่ายดี


เซทแรก(บน)
สื้อแจ็กเก็ตสีแดงที่เพิ่งได้มาตอนลดราคาของ Tommy Hilfiger
กระเป๋าก็ Louis Vuitton เห้อของใหม่ก็ยังเงียะ ตอนนี้จนเลย
ส่วนเซ้ทที่สอง(ล่าง)
ก็เป็นแจ็กเก็ตของ Mexx ที่ยาวคลุมเข่า ซื้อตอน sale เมื่อปีกลาย
Sweather ตัวในเพิ่งซื้อตอน Sale ปีนี้เอง Clutch ก็ Louis Vuitton


อยากได้ภาพสวยๆของตัวเองก่อนแก่ไปกว่านี้มานานละ พอดีได้คนประเดิม
กล้องใหม่ เราก็ได้พลอยไปด้วย คราวนี้เวลาไปเที่ยวไหนคงได้รูปตัวเอง
สวยๆมากขึ้นแล้วละ

ไปอาบน้ำละ ปวดหัว เพิ่งทำงานได้วันแรก ก็ปวดหัวเลย งานก็ไม่ได้ยุ่งอะไร
แถมพรุ่งนี้ก็ทำแค่ครึงวัน กินยาไปละเดี๋ยวคงดีขึ้น

26 December 2007

white Netherlands

เมื่อปลายอาทิตย์ก่อน อากาศที่นี่เย็นเยือกหลายวัน และก็มีหิมะ
โปรยลงมา เนื่องจากอากาศที่อยู่บริเวณจุดเยือกแข็งทำให้หิมะไม่
ละลายจนถึงวันเสาร์ ทำให้เราได้เก็บภาพสวยๆของเนเธอร์แลนด์
ที่เราไม่ค่อยได้มีโอกาสเห็นบ่อย และยิ่งไปกว่านั้นบริเวณที่เราอยู่
ผู้คนต่างพากันไปเล่นสเก็ตน้ำแข็งตามคลองเพราะน้ำจับตัวเป็น
น้ำแข็งและแข็งพอที่จะให้คนไปลื่นไหลบนผืนน้ำแข็ง เราไม่เคย
เห็นมาก่อนตั้งแต่มาอยู่ที่นี้เกือบหาปี นี่เป็นครั้งแรก เสียได้ไม่ได้มี
โอกาสเก็บภาพคนเล่นสเก็ตกัน เพราะต้องออกเดินทางไปเที่ยว




ภาพบนเป็นย่านที่เราอยู่ ต้นไม่ที่ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง สวยงามและ
เย็นดี

Photobucket

ระหว่างการเดินทาง ได้แวะไปถ่ายรูปจากย่านสวนไร่ ดูเขาไปหมด เสียดาย
ที่เย็นวันเสาร์ก็ละลาย ไปหมด เลยอดได้ ไวท์ คริสมาสต์เลย แต่ตลอดทาง
ที่ขับรถลงไปทางใต้ วิวก็สวยงามตลอดทาง แถมฟ้าก็เป็นสีครามสดใส

Photobucket

อากาศตอนนี้ก็สูงขึ้นมาหน่อย ฝนก็เริ่มมาอีกละ ไม่ชอบเลย พรุ่งนี้และ
วันศุกร์ต้องไปทำงาน แต่ก็คงไม่ต้องทำอะไรมากนักเพราะคงมีคนไม่มาก
ที่มาทำงานสองวันนี้

21 December 2007

werken bij het Rijk

วันนี้ทำงานแค่ครึ่งวัน ชอบจังวันศุกร์เนี่ย เมื่อวานมีงานเลี้ยงกับยูนิท
เริ่มตั่งแต่บ่ายโมงชอบจังที่ไม่ต้องทำงานทั้งวัน พอเที่ยงครึ่งก็ทยอยออก
จากออฟฟิศแล้ว เราเองก็ติดสอยห้อยตามคนอื่นเขาไปด้วยเพราะยังไม่
ค่อยรู้จักใครมาก ก็คงต้องอาศัยปาตี้ดีสนิท หลังกินเบียร์ไปสองสามแก้ว
ก็เริ่มหน้าหนาขี้นก็เริ่มคุยกับคนไปทั่ว คนมากันไม่เยอะเพราะเป็นช่วง
วันหยุดคริสมาสต์ แต่ก็สนุกดีที่สำคัญได้คุยเป็นเรื่องเป็นราวกับผู้จัดการ
ปกติอยู่ที่ออฟฟิศไม่ค่อยกล้าคุย เราอยู่ได้แค่ถึงสี่โมงเย็นเพราะมีนัดชอปปิ้ง
ก็ถือว่่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีกับยูนิท

วันนี้หลังจากเลิกงานเร็วก็ไปกินดิมซุมกับเพื่อนร่วมงาน จากนั้นก็ไปเดินช็อป
ต่ออีก กว่าจะกลับบ้านก็หกโมงเย็น นึกทุเรศตอนนั่งอยู่บนรถไฟ เราขึ้นเร็ว
เลยได้ที่นั่ง พอรถไปเริ่มเต็ม ใกล้ออกก็มีแม่ลูกสอง ขี้นมายื่นเบียด ลูกชายคน
อายุประมาณแปดควย ลูกสาวก็พอๆกัน พอเห็นแล้วเราก็นึกอยากจะลุกให้นั่ง
แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจเพราะกำลังมองว่าหากลุกแล้วจะยืนตรงไหน ขณะที่เราคิดอยู่
เด็กชาย ก็เริ่มพึมพำ แล้วก็เริ่มดังขึ้นว่า ผู้ใหญ่ที่ควรลุกให้เด็กอายุต่ำว่าสิบสี่นั่ง
พูดดังประชดประชันไปทั่ว เราตกใจ เด็กอะไรวะ ปากมากตั้งแต่เด็ก แล้วก็ไม่
ยอมหยุดนํะ เราก็ไม่เข้าใจขึ้นมาทำไม่รถไฟขบวนนี้เพราะขบวนถัดไปอีกแค่
สิบกว่านาที ไอ้เด็กแปดขวบก็พูดจาน่ารำคาญตลอดทาง ยืนต่อเถอะเรายิ่งไม่
ชอบเด็กเท่าไหร่นัก ยิ่งพวกเด็กปากมากโครตน่ารำคาญ พ่อแม่ก็คงเป็นพวก
ปากมากแหง๋ๆ ลูกถึงเป็นอย่างนี้ เบื่อจริงเด็กอย่างนี้

พอกลับมาถึงบ้านก็ได้จดหมายจาก Ministerie van Financien มันคือ
สลิปเงินเดือนๆแรกของการเป็นราชการที่นี่ เฮ้อ เหลือเชื่อเหมือนกันว่างานแรก
ที่ได้ทำที่ฮอลแลนด์จะได้ผลลัพย์ออกมาดี

ไปละไปซักผ้าละ ต้องแพ็คของอีกเพราะพรุ่งไปเที่ยว

18 December 2007

new layout

หลังจากเริ่มเบื่อหน่ายรูปแบบบล็อกตัวเอง ในที่สุดก็เปลื่ยนสะที
ก็ยังต้องเปลื่ยน หรือ แก้ไขอะไรอีก และก็อยากจะเขียนเกี่ยวกับ
Fashion ให้มากขี้นด้วย คงต้องใช้เวลา ช่วงวันหยุด
คริสมาสต์และปีใหม่คงไม่มีเวลามากนักกับคอม เพราะได้ไปเที่ยว
สองวันและต้องไปเบลเยี่ยมที่น่าเบื่อหน่ายสองครั้งคือ 24-25 ธค และ
31 ธค - 1 มค เซ้ง แต่ก็ชั่งมัน แต่ก็มีเวลาให้ตัวเองบ้าง เสาร์นี้แวะไป
เที่ยวทะเลที่ Cadzand เป็นส่วนของฮอลแลนด์ที่เหมือนเป็นเบลเยี่ยม
เพราะพื้นที่ไม่ติดกับพื้นที่ของฮอลแลนด์ เมืองนี้ติดอยู่กับเมืองชอปปิ้ง
ริมทะเลของเบลเยี่ยมที่ชือ Knokke-Zoute และที่แน่นอนว่าต้องมีร้าน
โปรด Vuitton ตั้งใจว่าจะไปเดินดู และถ่ายรูป หวังว่าทริปนี้คงได้
ผ่อนคลายสบายใจ

งานช่วงนี้ก็สบายไม่ค่อยทำอะไรเพราะงานที่มีก็ทำกันแทบจะไม่มีแล้ว
แถมเป็นช่วงใกล้วันหยุดด้วย คนก็เริ่มไม่มีอารมย์ทำงานและบ้างก็เริ่ม
ทยอยหยุดกันแล้ว เราเองเพิ่งประจำไม่มีจำนวนวันหยุดนัก เลยหยุดยาว
ไม่ได้กับเขา แต่อาทิตย์หน้าก็ทำงานแต่ วันครึ่งเอง ก็คงไม่มีอะไรมาก
ทำงานแบบสบายๆ

มะรืนนี้มีงานเลี้ยงคริสมาสต์กับคนให้ทีม ก็ไปอยู่แล้วเพราะจะได้ไม่ต้อง
ทำงานตั้งแต่บ่ายโมง กะไปสักชั่วโมงแล้วก็หนึกลับบ้าน

ปีนี้จะหมดแล้วเร็วจัง อีกสามเดือนก็ขอสัญชาติดัชแล้ว เร็วจัง 5 ปีที่ผ่านมา
ก็ได้ทำอะไรหลายอย่างที่จะทำ ได้มาอยู่ต่างประเทศ ได้งานประจำ ถือว่า
ชีวิตประสบความสำเร็จระดับนึงละ

ไปดีกว่า ไม่อยากนอนดึก

26 November 2007

Bubblé


ช่วงนี้ก็เรื่องราวรอบตัวให้ห่วงให้เครียด ปัญหาก็ยังไม่ยังหมุนเวียนเข้ามาเสมอ
ได้แต่รอวันที่จะไม่มีเรื่องที่ต้องทำให้เครียด ยังคงเชื่อว่าวันที่ดีกว่าจะเข้ามา
บางที บางช่วงก็ต้องการเพลงให้กำลังใจอย่างเพลง lost ของ Michael Bubblé



ก็เพราะดีเพลงนี้ โดยส่วยตัวชอบเสียงของเขามาก ตอนได้ยินเสียงครั้งแรก
ก็ชอบเลย ก็เลยเอามาโพสไว้ในบล็อก ตอนนี้เพลงนี้เปิดทุกวันที่สถานีที่นี่
อีกไม่นานเราคงเซ็งเพราะเปิดบ่อยจัด ยังไงก็ตาม เสียงของนานคนนี้เพราะจริง

20 November 2007

เคยฝัน

นี่ก็คงใกล้ช่วงลอยกระทงที่เมืองไทยแน่ๆ เราเองก็เริ่มจำ
ไม่ค่อยได้เพราะห่างเหินจากวันเดือนปีไทยมาเกือบ 5 ปีแล้ว
เร็วเหมือนกัน นี่ก็ใกล้ เดือนสุดท้ายของปี 2007 หรือ พ ศ 2550
ยังรู้สึกเหมือนเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน เวลาหากเราไม่ไปตามนับ
มัน ก็ดูเหมือนว่าจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งช่วงเวลาที่เราอย่าง
จะอยู่กับมันนานๆ มันก็ดูเหมือนจะยิ่งพยายามเดินเร็วขึ้น
เดือนนี้เป็นเดือนสุดท้ายที่จะทำงานอย่างพนักงานชั่วคราวเพราะ
ตั้งแต่เดือนหน้า ก็เริ่มทำหน้าที่อย่างเต็มตัว อย่าง ข้าราชการ
ก็ไม่ได้รู้สึกดีใจนัก แต่รู้สึกมั่นคงขี้นมากกว่าๆ การมาอยู่นี่ ได้
ทำงานที่นี่ เหมือนกับสิ่งที่เคยฝันไว้ตอนเด็ก ว่า อยากไปอยู่ต่าง
ประเทศ อยากทำงานที่ต่างประเทศ ตอนนี้พอเวลาได้เห็น หรือ
ได้ยินคนที่ได้ไปอยู่หรือไปเรียนต่างประเทศ รู้สึกอิจฉาเขา เวลา
เห็นคนที่ทำงานต่างประเทศแล้วรู้สึกทึ่งว่า เขาทำได้ไง วันนี้ได้
มีโอกาสทำสิ่งนี้ให้กับตัวเอง ทำสิ่งที่เคยฝันให้เป็นจริง ไม่คิดว่า
จะทำได้ เคยกลัวว่าการทำงานร่วมกับฝรั่ง เราจะปรับตัวไม่ได้
จะมีปัญหาการสื่อสาร แต่ในที่สุดแล้วมันก็ไม่ยากเกินความพยายาม
ถึงแม้ว่าการมาอยู่ที่นี่จะไม่ได้มีแต่ความราบรื่น มีปัญหาที่ต้องแก้ไข
มีทุกข์มีสุขสลับไป แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องปกติของชีวิต ไม่ว่าจะอยู่ที่
ไหนซอกมุมไหนบนโลกใบนี้ เราก็คงไม่อาจหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้

ลมหนาวพัดผสมฝน ยามเช้า เสียงขูดน้ำแข็งที่เกาะบนกระจกรถยนต์
เริ่มดังขี้นสม่ำเสมอ หลังจากผ่านค่ำคืนที่เยือกเย็นอุณหภูมิต่ำกว่าศูนย์
เสื้อหนาวหนาๆที่เก็บล็อคไว้ในตู้ตั้งแต่หนาวก่อนนี้ ถูกนำออกมาใช้
อีกครั้ง อาทิตย์นี้เราได้ย้ายจากยูนิทงานเก่า มาสู่ยูนิทใหม่ เพื่อนร่วมงาน
ใหม่ การเปลื่ยนแปลงนี้มาจากการที่เราจะเป็นพนักงานประจำตั้งแต่เดือน
หน้าเป็นต้นไป ทางหน่วยงานต้องการให้เริ่มทันที่อาทิตย์ เราก็เข้ามา
ประจำ Unit B ทีแรกให้เราไป Unit D เราขอไปที่เก่าคือ Unit C แต่กลับ
โดนมาหยอดไว้ที่ Unit B แต่ก็ดีแล้ว หลังจากสองวันก็ได้รู้จักเพื่อนร่วม
งานใหม่ ก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากนัก ไม่กลัวแล้วกับการเปลื่ยนแปลง
เพราะมั่นใจในความสามารถของตัวเอง ก็คงต้องใช้เวลาทำความรู้จัก
เพื่อนร่วมงานใหม่อีกสักพักใหญ่ ก่อนจะเกิดความคุ้นเคย ก็ดีเหมือนกัน
ได้รู้จักคนมากขึ้น

เฮ้อ หนาวๆยังงี้ง่วงนอนเร็ว จะไปอาบน้ำละ ไว้มาเขียนใหม่คราวหน้า

11 November 2007

Antwerpen ฟ้าไม่ใส ใจ Vuitton


วันเสาร์ก็ออกเดินทางจากบ้าน ไปสู่ Antwerpen ใช้เวลา
ชั่วโมงกว่าก็ถึงละ ได้โรงแรมเปิดใหม่ของ Golden Tulip ราคา
ไม่แพง แต่เหม ที่จอดรถก็ยังทำไม่เสร็จ ขับลงไปใต้ดินก็ลึก
มึดก็มึด หากโดนฆ่าที่ลานจอดรถ กว่าคนจะมาพบ สงสัยใช้เวลา
ไปหลายเดือน น่ากลัวจริงๆ ย่านของโรงแรมที่เพิ่งเปิด เป็นย่าน
ที่ทางเมืองพยายามยกระดับให้ดีขึ้น โรงแรมอยู่ติดกับสถานีรถไฟ
ที่กำลังบูรณะอยู่เหมือนกัน ย่านชอบปิ้ง อยู่อีกฝั่ง ถูกกั้นด้วยราง
รถไฟ เวลาเดินไปต้องผ่านอุโมงที่น่ากลัวมาก แบบหากกลับดีก
คนเดียวคงโดนป้นหมกอุโมงแหง๋ เราเคยไปเมืองนี่มาเมื่อ 5ปีก่อน
แต่ก็ไม่ได้ค้างคืน และไม่ได้มาย่านนี้ ครั้งนี้เนื่องจากโรงแรมอยู่
ย่านนี้ ก็เลยทำให้เห็นด้านมืดของเมือง รับรองน่ากลัว

ที่แรกจุดมุ่งหมายที่มากเมืองนี้วันเสาร์ที่ผ่านมานี้เพราะว่ามีงาน
นิทัศการหนังสือที่ใหญ่ที่สุดใน Benelux แต่สุดท้ายเนื่องด้วยอากาศ
ที่ไม่แน่นอนเลยตัดสินใจไปเดินชมเมืองย้านชอปปิ้ง และถ่ายรูป
พอดีคนที่ไปด้วยกำลังเห้อกล้องใหม่ที่เพิ่งได้มา ราคาเงี้ยะสูงปิ้ว
แต่เอาเหอะ ช่วยเป็นแรงกระตุ้นในการทำงาน เราก็เดินจุดมุ่งหมาย
เหรอะ แน่นอนละ Louise Vuitton ร้านที่อยากให้เป็นร้านโปรดแต่
งบต่ำเลยทำได้แค่ปีละใบ ประมาณเนี่ยะ ก็ไปแวะเดินชมในร้าน
ถามราคาใบโน้นใบนี้ แหม ราคาเงียะ ทำเอาขนหัวลุก แต่ก็เหอะ
หากเราจะบ้ายี่ห้อนี้ ก็คงเป็นยี่ห้อเดียวที่เราจะบ้า เพราะเรื่องเสื้อผ้า
รองเท้า เข็มขัด เราไม่ใส่ใจยี่ห้อ ส่วนมาก็สื้อจากเมืองไทย มีแพง
บ้างก็พวกยี้ห้อ Dapper Jaspal Chap Esprit Mexx Playboy หรือ
Abercrombie เข็มขัดส่วนใหญ่ 199 บาท เป็นคนไม่สนใจเรื่องยี่ห้อ
ของ เข็มขัด ถุงเท้า กกน เป็นอย่างมาก ก็มีแต่เรื่องของกระเป๋าเนี่ย
แหละ ที่ราคาแพง ทีแรกเริ่มจาก คิปลิ้ง ตอนนี้มีพอแล้ว เลิกซื้อมานาน
มีพอใช้ แล้ว ก็หันมาลองของแพงสะหน่อย อย่างน้อยก็ทำให้รู้สึก
กระชุ่มกระชวย เวลาได้จับต้อง หรือใช้งาน

ก็ไม่รู้ว่าเป็นโรคชอบกระเป๋าตั้งแต่เมื่อไหร่ และที่ชอบมากๆคือยี่ห้อเนี่ยแหละ
วันนี้พอทำให้ตัวเองได้ก็ลองดูละกัน แต่สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่
ทำอะไรเกินตัวเกินไป ยี่ห้อนี้เราชอบมากๆเลยละจะบอกให้ ส่วยอีกยี่ห้อที่
มักจะซื้อเสื้อโปโลไปฝากพ่อคือ Burberry ที่ฮอลแลนด์ไม่มี ที่นี่ก็มีแต่ของ
ผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ และไปดูผ้าพันคอมา แหม๋ราคาสามร้อยยูโรกว่าๆ บ้าแน่
เอาตังค์ไปซื้อกระเป๋าหลุยส์จะดีเสียกว่า เฮ้อ โรควิตตอง เข้าสิง

ดึกละพรุ่งนี้ต้องไปทำงาน เบื่อจริง แต่เอาเหอะ เพื่อเงิน เงินๆๆๆ
ไปละ ต้องอาบด้วย

09 November 2007

ใบไม้ใบสุดท้าย


ช่วงนี้ไม่มีเวลามาลงรูปที่นี่เลย ก็ได้แต่มาเขียนเรื่องราวบันทึกไว้
เผื่อวันนึงจะกลับมาอ่าน และทำให้นึกถึงช่วงเวลานั้นที่เข้ามาเล่า
เรื่องราวตัวเอง วันนี้อากาศที่นี่ย่ำแย่มีพายุเข้ากระหน่ำ อากาศก็
หมุนเวียนทั้งลม ฝน และความหนาวเย็น แต่ก็ยังพอทนได้นะ
เพราะเคยเจอหนักกว่านี้
............................................................
ต้นไม้ละทิ้งใบ อีกไม่นานใบสุดท้ายก็คงร่วงลง บางที่การที่ต้องละ
ทิ้งบางสิ่งที่ผูกพันมานาน มันอาจดูเศร้า แต่มันอาจเป็นการเปลื่ยน
แปลงเพื่อให้ก่อเกิดสิ่งใหม่ที่อาจดีกว่า เข้ามาแทนที่ ชีวิตคนเราก็
คงเหมือนกัน การยึดติดกับอะไรบางอย่างมากเกินไป มันก็ทำให้เรา
ไม่รู้การเปลื่ยนแปลง ชีวิตคนเรามักจะเลือกทำอะไร หรือ อยู่กับอะไร
ที่เราคุ้นเคย กลัวการเปลื่ยนแปลง แต่มันก็มักหลีกเลี่ยงไม่ได้
วันนี้ชีวิตเราก็ยังดำเนินเหมือนเคย แต่การเปลื่ยนแปลงอีกครั้งก็กำลัง
จะเกิดขึ้น หลังจากที่เราได้เลือกให้เป็นข้าราชการประจำ ของที่ทำงาน
ที่ทำมาเกือบปีครึ่ง หลังจากที่ผ่านการคัดเลือก สัมภาษณ์ ที่แรกได้
จดหมายปฏิเสธ แต่ไม่กี่วันหลังจากนั้นก็ ได้โทรศัพท์ว่า ได้เป็นประจำ
เพราะว่าคะแนนสัมภาษณ์น้อยไปคะแนนเดียวเลยทำให้โดนปฎิเสธ
ตอนแรก จริงแล้วก็ภูมิใจเหมือนกัน กับเรื่องการสัมภาษณ์ ถึงจะโดน
ปฏิเสธตอนแรก แต่สุดท้ายก็ได้ ที่งงๆตอนนี้คือว่าเรายังไม่ได้เป็นคน
ดัชเลย หวังว่าเขาคงไม่ขับเราออกตอนหลัง แต่เราก็เขียนชัดเจนใน
ประวัติ ว่ายังถือสัญชาติไทย หากมาปฎิเสธเราตอนหลังดื้อคงไม่ยอม
ง่าย ๆ วันนี้ก็ได้อีเมล์จากฝ่ายบุคคลว่าเราต้องเข้าไปประจำที่ยูนิท D
ทีแรกก็หวังว่าจะได้กลับไปอยู่ที่ยูนิท C เพราะเคยอยู่นี่ยูนิทนี้ตั้งแต่เริ่ม
ทำงานที่นี่จนเมื่อการเปลื่ยนแปลงเมื่อเดือนตุลาที่ผ่านมา เมื่อพนักงาน
ชั่งคราวทั้งหมดถูกแยกไปเป็นเป็นยูนิทใหม่ ตอนนี้เราต้องแยกอีกครั้ง
หลังจากไม่ถึงสองเดือนของการเปลื่ยนแปลง ตื่นเต้นเหมือนกันสำหรับ
การเปลื่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เราจะได้ไปประจำในยูนิทใหม่ ก็หวังว่าจะ
ได้เพื่อนร่วมงานดีๆ ไม่กลัวแล้วละ ตอนนี้ เพราะเราไม่ใช่คนเดิม รู้สึก
ว่าเข้มแข็ง และพร้อมที่จะสู้สุดหัวใจ กะวะ ไม่เกิน 5 ปีจะเป็น M ให้ได้
แล้วค่อยดูกัน
..................................................................
พรุ่งนี้ไปเที่ยว Antwerpen คิดว่าคงเจอฝนแหละ ก็ตั้งใจไปพักผ่อนให้
เหมือนกัน รู้สึกว่าชีวิตที่ผ่านมา ไม่ได้ทำอะไรที่ต้องการเพียงพอ
ไม่อยากติดค้างอะไรให้กับตัวเอง ชีวิตคนเราสั้นยาวมิอาจรู้ บางที่อะไร
ที่ทำให้ตัวเองมีความสุข และไม่สร้างความทุกข์ให้คนอื่นก็ทำไปเหอะ
วันนี้พอละกัน มีงานบ้านต้องทำอีก ไปละ

23 October 2007

หนาว

วันนี้แดดส่องสดใสแต่เย็นจับใจเสียจริง สิ้นเดือนตุลา วันเวลาช่างผ่าน
ไปได้รวดเร็ว ยังไม่ทันไรก็จะเข้าพฤศจิกาละ เดือนนี้เกิดแรงยุภายใน
ตัดสินใจลองซื้อ vuitton ของแท้ แพงหูฉี่ ที่ตัดสินใจซื้อก็ไม่ได้คิด
จะบ้าบอของแพงเท่าไหร่ ที่ติดอยู่ในใจคือต้องแต่เด็ก คิดว่าชาตินี้คงไม่
มีปัญญาซื้อของแท้ ได้เคยลองใช้ของกอปราคาไม่ถูกอยู่พักนึง ตอนนี้
ไหนๆก็ไหนละ ขอลองใช้ของแท้แพงๆๆดูสะที อย่างน้อยชาตินี้ก็ทำอะไร
ที่ไม่คิดว่าจะทำได้อย่างนึงละ ส่วนเรื่องจะหันมาใช้แต่ vuitton คง
ไม่เอาดีกว่า จนตายแหง๋ๆ ก็เอาเป็นแค่หอมปากหอมคอ ได้อวดโชว์ใช้ของ
แท้สะหน่อย ฮิ ฮิ พูดถึงตอนไปซื้อแล้วที่ย่านช็อปของมียี่ห้อที่อัมสเตอร์ดัม
P C Hooftstraat ในร้านมีแต่คนญี่ปุ่นเต็มไปหมด ไม่รู้จะขอบอะไร
กันนักหนา เหมือนจะมาเหมาร้านกันเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

เมื่อ่เช้าเห็นน้ำแข็งเกาะรถหนาเหมือนกัน ตอนออกไปทำงานก็หนาวมากๆ
อีกไม่นาคงต้องขว้าผ้าพันคอหนาๆกับถุงมือมาใช้ คิดว่าปีนี้คงหนาวมาก
กว่าปีก่อน เฮ้อ ทำเอาขึ้เกียจตื่นไปทำงานมากๆ แต่ทำไงได้ยังไม่ถูกหวย
สะที ถูกเมื่อไหร่คงมีทางให้เลือกมากกว่านี้เนอะ ฝันต่อไป จนกว่าจะเป็นจริง
บางที่เรื่องที่ตัวเราเองไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้ มันก็เป็นไปแล้ว เพราะฉนั้น
เราจะไม่หยุดฝันหรอก

ตอนนี้ของไปนอนฝันดีกว่า พรุ่งนี้ไปทำงาน

04 October 2007

เงียบๆ


วันนี้นั่งหนวกหูทั้งวันกับกลุ่มพนักงานใหม่ ไม่รู้จะคุยอะไรกันแซดไปหมด
ทำงานไม่เป็นอันสงบสุขเลย เบื่อจริง อยากจะอยู่เงียบๆบ้างก็ไม่ได้เดียว
คนโน้นถามโน่น คนนี้ถามนี่ เหนี่อยหูฉิบหาย พอกลับมาบ้างก็มานั่งฟังคนที่
บ้านพล่ามต่ออีก เพราะตานี่อยู่บ้านไม่มีคนคุย เราเองก็ทนจนฟังๆ พยายามทำ
เป็นคนดี แต่ก็ทนไม่ไหว ขอบอกตรงๆเหนื่อยหูว่ะ แม่งบ้าพล่ามกันอยู่ได้ทั่งวัน
ลาบวชดีกว่ากู อยากอยู่สงบเงียบๆฉิบหาย บางทีเล่นเอาปวดหัวไปเลยกับเรื่อง
ที่ต้องมานั่งฟังคนพล่าม นี่ก็ได้หลบแว็บมาระบายสะหน่อย อยู่นานมากก็ไม่ได้
เดี๋ยวคนบ้าน้ำลายจะกดดันหาว่าเราไม่สนใจใยดี เซ็งหูกูเลย

อากาศห่วยๆก็เริ่มเดินตามกันมาทุกวัน แสงเดือนแสงตะวันแทบจะไม่สอดรอด
ร่องฟ้ามาให้เห็นเลย มีแต่ฝนเนียแหล่ะที่เห่อจะตกอยู่นั่นแหละ ทำไมจะต้องมี
ฤดูแย่ๆด้วยก็ไม่รู้ ทำเอาไม่อยากจะออกไปทำมาหากินเลย งานก็ยุ่งๆ งานไม่
น่าเบื่อแต่คนซิน่าเบื่อ หลังจากเปลื่ยนแปลงรูปแบบระบบการทำงาน เราก็ไม่ขัด
แย้งหรอก แต่ที่เบื่อคือไม่ได้ร่วมงานกับเพื่อนร่วมงานดีๆ ที่มีอยู่ก็แต่พอไหว
แต่ก็ไม่ถูกใจเท่าเมื่อก่อน การไปทำงานเลยไม่ค่อยน่าสนใจละ ก็คงรอดูอีก
ระยะ ยังงัยก็ทำมานานละแถมไม่ไกลบ้านด้วย ถ้าต้องเดินทางไกล
คงขึ้เกียจ เข้าไปใหญ่

พรุ่งนี้งดเทนนิส มีงานด้วยเร่งเข้ามา เราไม่ได้อาสากับเขาหรอก แต่เพื่อนที่ตี
เทนนิสด้วยต้องอาสาทำ เลยงด แต่ก็ไม่เป็นไร ดีเหมือนกันจะได้ไม่เหนื่อยมาก
ช่วงสุดสัปดาห์ วันอาทิตย์นี้ต้องไปเบลเยี่ยมด้วย เบื่อเหมือนกัน แต่ยังดี ไม่ต้อง
ค้าง และ ไม่ต้องทำอาหาร จะพยามรีบกลับบ้านให้เร็วเพราะวันจันทร์ทำงานต่อ

พล่ำเพ้อมานานละกู หลังจากฟังชาวบ้านเขาพล่ำ แต่ของเราแบบไม่มีเสียงสัก
แอ๊ะ ออกมาเพราะใช้การขีดเขียนแทน ก็ถือเป็นทางออกของการระบายอารมย์
ได้ดีนะ การขีดเขียนเนี่ย ก็รู้สึกผ่อนคลายหน่อยแต่ตอนนี้ต้องไปละเพราะปวดอึ

26 September 2007

ขี้เซา

+
ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็น ตัวขี้เกียจก็เริ่มทำงาน เบื่อจริงพอเริ่มนึกถึง
ฤดูหนาว เฉอะแฉะ มืดก็เร็ว เซ้งวะ พออากาศเย็นโรคขึ้เซาก็กำเริบ
นอนแต่หัวค่ำแต่ก็เหมือนไม่เคยพอ ทำไมเป็นงี้เนี่ยตัวเรา เมื่อเช้า
ก็เป็น กว่าจะตะเกียกตะกายออกจากที่นอน อาบน้ำ เสร็จแล้วพอ
แต่งตัวเสร็จก็ไปนอนต่อบนโซฟา อีกประมาณ 20 นาที จากนั้นก็
ไปทำงาน ไหงเป็นคนยังงี้เนี่ยะ ดีนะที่ทำงานไม่ได้ไกลเท่าไหร่
ตั้งแต่อาทิตย์ก่อนตัดสินใจลดเวลาทำงานลง 4ชั่วโมง ก็ทำแค่
36 ชั่วโมงละ เพราะวันตั้งใจจะตีเทนนิสทุกวันศุกร์หลังเลิกงาน
ก็ไปตีมาแล้วสองอาทิตย์ละ สนุกดี ฟรีด้วย แบบยังไม่มีใครมาทัก
ว่า อ่าวไปไม่ได้เป็นสมาชิกเหรอ ตอนนี้ก็ทำตัวกลมกลืนไป ไม่มี
คนทัก ก็คงยังไม่จ่ายเงิน ฮิฮิ พอลดเวลาการทำงานลงก็รู้สึกดี
เพราะวันพฤหัสกับศุกร์ทำแต่วันละ 6 ชั่วโมง เลยพอมีเวลาว่างให้
ตัวเองมากขึ้น พรุ่งนี้หลังเลิกงานว่าจะไปเดินเล่นแป็ปในตัวเมือง
สักหน่อย จะไปซื้อพริกด้วย หมดแล้ว เลยไม่ได้กินเผ็ดเลย

ตอนนี้เกือบสามทุ่มละ ไปอาบน้ำดีกว่า อยากนอนละ ไปละ

03 September 2007

The return of my bestfriend!!


เวลาช่างผ่านไปได้เร็วเหลือเกิน เพื่อนเกลอสโนว์คนเดิม ตอนนี้ได้
ตัดสินใจกลับมายุโรปอีกครั้ง เราเองก็ดีใจแม้จะไม่ได้มาอยู่ที่ฮอลแลนด์
เหมือนเดิม แต่อย่างน้อยอังกฤษก็อยู่ใกล้กว่าออสเตรเลียมาก
เมื่อวันศุกร์ก็มาเคลียร์ของที่ยังมีฝากอยู่ในที่บริการเก็บของของที่นี่
และส่งของกลับไปเมื่อวันเสาร์ ดีใจที่ได้เจอเพื่อนเราอีกครั้ง แม้จะไม่
บ่อยเท่าตอนที่มันอยู่ที่ฮอลแลนด์นี่ก็ตาม



หลังจากส่งของวันเสาร์ก็ได้ไปซื้อของมาทำกับข้าวกินกัน ยูเทรคก็ยังคง
เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความทรงจำของเพื่อนสองคน แม้จะไม่ใช่เมืองใหญ่โต
อะไรนัก แต่เราก็คุ้นเคยดี คืนวันเสาร์ก็ทำส้มตำไก่ย่างกินกัน แม้เหนื่อยหน่อย
แต่ก็ดีใจที่ได้ทำ วันอาทิตย์ได้ไปกินอะไรกันที่อัมเตอร์ดัมที่ร้านอาหารร้านเดิม
ตบท้ายคืนวันอาทิตย์ด้วย Tequila แล้ววันนี้มันก็คงอยู่บนเครื่องรอการเดินทาง
กลับสู่เมืองผู้ดี

เวลาผ่านไปเร็ว​ โดยเฉพาะเวลาที่สนุกสนาน เราเองก็เสียใจเหมือนกันที่ต้องลา
กันอีก แต่หลังจากนี้หวังว่าคงได้เจอกันสม่ำเสมอ เราเองถ้าไม่เบื่อเรื่องการขอ
วีซ่า ก็คงไปเที่ยวนานแล้วละ กะรอไปตอนได้เป็นดัชแล้ว ก็ไม่แน่ว่าสิ้นปีนี้อาจ
จะไปฉลองคริสมาสที่ลอนดอน

พรุ่งนี้กลับไปทำงานต่อ หวังว่าคงไม่ยุ่งเท่าอาทิตย์ก่อนเพราะเหนื่อยมาก
จากการทำงาน อากาศตอนนี้ก็เริ่มแย่ลง ฝนตกเรื่อยๆ และก็เริ่มหนาวแล้ว
หน้าหนาวนี้อยู่ไม่ไกลละ คงต้องเริ่มหยิบแจ็คเก็ตหนาๆมาเตรียมไว้

01 September 2007

วุ่นกับงาน


อาทิตย์ที่ผ่านมานี้เป็น 4 วันทำงานที่ยุ่งมากๆ ไหนจะต้องเตรียมจดหมาย
สมัครงาน งานหลัก งานโปรเจค และงานทั่วไป รวมกันจนลืมเวลาอาหาร
ประชุมก็เยอะ ทำเอาสุดสัปดาห์นี้เหนื่อยเลย เพื่อนเกลอก็แวะมาหาจากอังกฤษ
ต้องเก็บบ้านเก็บช่อง แต่ตอนนี้ก็ค่อยดีหน่อยบ้านก็สะอาดละ เพื่อนก็มาแล้ว
นอนอยู่ห้องรับแขกเนี่ย

พรุ่งนี้อยากนอนให้เต็มอิ่มหน่อย แต่ก็ดูก่อนว่าจะยุ่งอะไรแค่ไหนเพราะอยาก
ผ่อนคลาย สองสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ไม่ได้อยู่บ้านเลย หลังจากนี้ก็ไม่มีแผนอะไร
หรือจะไปไหน คงทำงานอย่างเดืยว

อากาศตอนนี้ก็แย่ หน้าร้อนนี้แทบจะมีแต่ฝน ไม่ได้เจออากาศดีๆเลย หน้าหนาว
ก็คืบคลานเข้ามาช้าๆ คิดแล้วเซ็งเพราะเบื่อฤดูนี้มาก มืดค่ำเร็วจัด ไม่มีอารมย์
ทำอะไรเลย เฮ้อ บ่นล่วงหน้าอีกละ

21 August 2007

กลับจากบาร์เซ


ทีแรกก็ตั้งใจว่าอยากจะเขียนเล่าเรื่องราวมากกว่าตอนนี้แล้ว
ขณะอยู่ที่สเปน แต่ก็ไม่มีเวลาจะมาเขียนเพราะมัวหลงระเริงกับ
เมืองบาร์เซโลน่า จนไม่อยากจะมานั่งเขียนบันทึกการท่องเที่ยว
คงเป็นเพราะเวลาที่มีจำกัดและมีหลายสิ่งที่ต้องทำ หลายที่ที่ต้อง
เยือน ระยะเวลาสี่วันที่ผ่านมานั้นดูจะไม่เพียงพอให้คนอย่างเรา
ได้เต็มอิ่มกับเมืองๆนี้ เฮ้อ กลับมาละ พรุ่งนี้ทำงานต่อเซ้งเป็นบ้า

ไว้ถ้าไม่ขี้เก๊ยจก็จะมาเพิ่มเติมโพสนี้ต่อ

17 August 2007

live from Barcelona


วันนี้ได้เดินทางมาถึง บาร์เซโลน่า ตื่นเต้นเหมือนกันที่ได้มา
เครื่องลงที่สนามบินเวลา 18.40 แล้วเราก็รอกระเป๋าแป็ปเดียว
ตัดสินใจ ขึ้นแท็กซี่เลยเพราะจะได้ไม่เสียเวลาและก็รู้ว่าระยะทาง
จากสนามบินเข้ามาตัวเมืองนั้นไม่ไกลมาก ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาที
ก็มาถึงโรงแรม H 1898 เป็นโรงแรมระดับสี่ดาวนะ แพงเหมือนกัน
แต่ก็ดูหรูหราไฮโซเหมาะกับเรา แม้ห้องจะเล็กไปนิดแต่การดีไซนด์นั้น
ดีทีเดียวเลย มีทีวีจอแบนและอินเตอร์ไร้สายที่กำลังใช้อยู่ ให้ใช่ฟรี
ที่สำตัญมีสระว่ายน้ำทั้งในและกลางแจ้ง พรุ่งนี้ว่าจะไปใช้สะหน่อย
เปิดถึงตั้งสามทุ่มแหนะ



โรงแรมตั้งอยู่ใจกลางเก่าย่านท่องเที่ยว
พอมาถึงก็ตกใจถึงปริมาณนักท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากๆๆๆๆ เราก็อิ้ง
แต่๋ก็เข้าใจว่าทำไม ตอนนี่้เกิือบเที่ยงคืนละ เราเพิ่งกลับมาไม่นาน
ออกไปกินเข้า ที่นี่กินเข้ากันช้ามากๆ คงเป็นพราะธรรมเนียมคนทาง
ใต้ของยุโรปนั้น ถ้าเป็นที่ฮอลแลนด์ละก็ สองทุ่มตลาดก็วายแล้า ที่นี่
เหรอ ห้าทุ่มกว่าแล้วยังหาอาหารค่ำกินได้ไม่ยาก แล้วร้านค้าก็เปิดดึก
ด้วย เฮ้อชักชอบที่นี่แล้วสิ



พรุ่งนี้ึคงต้องวางโปรแกรมแล้วว่าจะทำอะไร
ไว้จะมาเขียนเล่าที่หลัง ไปละ

28 July 2007

เล่มสุดท้าย


ในที่สุดสองปีที่รอคอย กับเล่มสุดท้ายของ Harry Potter
and the deathly hallows ก็ได้วางสู่ตลาดเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว
เราเองก็ไม่พลาดแน่เพราะหลังจากรอมานาน อยากรู้สะทีว่าจะ
จบยังงัย ได้มาตั้งแต่เช้าของวันที่วางจำหน่าย และสุดท้ายก็อ่าน
จบ เกือบอาทิตย์พอดีที่ใช้ในการอ่านหนังสือหกร้อยกว่าหน้านิดๆ
จริงๆแล้วถ้าไม่ต้องไปทำงานคงอ่านจบภายในสามวันเหมือนเล่ม
ก่อนหรอก พอได้เห็นเล่มนี้แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า นี่เป็นเล่มสุดท้าย
แล้วนะ แล้วก็จะไม่มีมาอีกแล้วละ จบแล้่ว รู้สึกเศร้าๆเหมือนกัน


เล่มนี่ก็ถือเป็นบทสรุปเรื่องราวของแฮรี่ พอตเตอร์ ได้ดี
ตอนจบอาจจะมีน้ำเน่านิดๆ แต่หากไม่จบแบบนี้ก็อาจทำให้
คนอ่านอย่างเราๆอาจรู้สึกว่ายังมีอะไรติดค้่างได้
ความสนุกของเล่มนี้สำหรับเราถือว่าดีทีเดียว ก็มีตัว
เรื่องเสียชีวิตหลายคนอยู่เหมือนกัน มันก็ควรจะเป็น
อย่างนั้นแหละเพราะ ถ้าไม่งั้นก็จะกลายเป็นเวอร์ไป
ที่คนดีไม่มีตายเลย
ส่วนการเฉลยทุกเรื่อง จากความทรงจำชองสเนป
ก็คลายเอาปลมทุกอย่างได้อย่างหมดจด นับเป็นไอเดีย
ที่ดีสำหรับนักเขียน ในการสรรหาวิธีเฉลยเรื่องราว
ดีใจที่ได้อ่าน แต่เสียใจที่จบแบบ ที่เรีัยกว่า บริบูรณ์ เลย


15 July 2007

เวลาหายาก


กลับมาจากเมืองไทยได้สองอาทิตย์ละ ยังไม่มีเวลามาเขียนเรื่องของเมืองไทย
นี่ก็เพิ่งกลับจากเบลเยี่ยมมา พอดีมีธุระ เหนื่อยเลยอาทิตย์นี้ ไม่มีเวลาพักผ่อน
เมื่อศุกร์ที่ผ่านมาก็เป็นวันทัศนาจรกับเพื่อนร่วมงาน ก็เดินทางไปที่เมือง
Rheden อยู่ในเขตเมือง Arnhem ไม่ไกลจากชายแดนเยอรมัน ทัศนาจร
คราวนี้ก็เล่นเอาเหนือยมากเพราะต้องปั่นจักรยานกว่าสิบโล แถมยังมีการขี้น
ลงเนินอีก ทำเอาขาลากเลยตอนปั่นเสร็จ และก็มีกิจกรรมอื่น จนถึงไปทาน
ข่าวด้วยกัน สุดท้ายก่อนกลับบ้านยังอุตส่าห์ไปนั่งดืมกันต่อ กว่าจะกลับบ้าน
ก็เกือบตีหนึ่ง แต่ก็สนุกดี ที่ได้ร่วมกิจกรรม ถึงจะเหนื่อยมากๆก็ตาม

พรุ่งนี้ก็กลับไปทำงานอีกละ เบื่อเหมือนกันแต่ก็ต้องทำต่อเพราะจะได้มี
เงินไปเที่ยว กะเดือนหน้าช่วงวันเกิดจะไปเที่ยวสักสี่วันแต่ยังตกลงไม่ได้ว่า
จะไปไหนดี ก็กำลังดูๆอยู่ ว่าจะไปไหนดี แต่ก็ลงวันหยุดไว้ละ

เรื่องคอมใหม่ก็ยังเห่อไม่เลิก รอโปรแกรมที่สั่งซื้อไปอยู่ ต้องใช้เวลาสักพัก
เพราะอยากได้เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ เผลอไปซื้อ ออฟฟิสมาแต่ดันไม่ดู
ให้ดี เลยได้เป็นภาษาดัช กะว่าจะเปลื่ยนแต่เพราะราคาโปรแกรมที่แพงอยู่
คงต้องรออีก ก็เพราะยังไม่เคยใช้เครื่องของ แมค เลยไม่รู้อะไรมากนัก
หากรู้ว่าจะซื้อ คงได้ซื้อคู่มือภาษาไทยจากเมืองไทยมาละเพราะที่นี่มีแต่
เป็นภาษาดัชขายขึ้เกียจแปล

เฮ้อ ไปละเริ่มร้อนตัก ปิดเครื่องดีกว่า

03 July 2007

โนทบุคใหม่


5 อาทิตย์ผ่านไป หลังจากไปเมืองไทยเมื่อวันที่ 28 พค
ที่ผ่านมา และกลับมาที่นี่เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมานี้เอง
ขี้เกียจเล่าเรื่องเมืองไทยตอนนี้เพราะยังไม่ได้เอารูปมาลง
วันนี้เลยมาโปรโมทคอมใหม่สะหน่อย​ ฮ่า ซื้อเมื่อวานที่นี่ร้านแอปเปิ้ล
ราคาก็ไม่ใช่น้อย ที่แรกก็ลังเลระหว่างโตชิบ้า
แต่สุดท้ายเพราะความอยากลองของใหม่
เลยตกลงใจลองใช้แมคดู ก็ยังไม่ค่อยคุ้นเคยนัก
แต่ก็กำลังศึกษาอยู่ แต่ด้วยดีไซนด์ที่สวยงาม
และความยอดเรื่องกราฟฟิก ก็เลยห้ามใจไม่ได้
เฮ้ฮ จนเลยกู แต่ก็อยากได้มานานแล้ว โนทบุ้ค
และช่วงที่อยู่เมืองไทยก็เดินไปดูหลายรอบและหลายร้าน
แต่ก็ไม่ได้ตัดสินใจ ที่สำคัญไม่ได้คิดจะไปดูเครื่องแมค เลย
พอมาเดินดูเมื่อวาน ที่ยุูเทรค ก็เอาละกันลองดู

หลังจากได้ลองเริ่มใช้ก็เริ่มชอบ ไม่ใช่แค่ความสวยงามแต่ เพราะความไม่ยากนักที่จะใช้หลังจากเริ่มใช้แค่สองวัน
ที่สำคัญความเร็วของซีพียูนั้นเร็วความ intel core 2 duo
ของวินโดว์วิสต้า สะ อีกก็เลยดีใจ มากับเครื่อง
คอมเครื่องนี้ ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงลองใช้งาน มีอีกเยอะอีก
ที่ต้องเรียนรู้ แต่ดีใจมาก
ที่ในที่สุดก็มีโนทบุคที่สวยงามมีระดับอย่างนี้ ฮิ ฮิ

25 May 2007

คืนก่ิอนเืดิืนทาง


พรุ่งนี้แล้วต้องเดินทาง ตื่นเต้นนิดหน่อย คราวนี้ได้บินผ่านลอนดอนอีกครั้ง
เช็คอินผ่านอินเตอร์เนทแล้วด้วย โง่เรื่องเช็คอินไฟท์จากอัมเตอร์ดัมไปลอนดอน
เปลื่ยนที่นั่งไม่เป็นอีก จำได้แม่นว่ายังไม่ไดคอนเฟิร์ม เพียงแต่สายการบิน
เลือกไฟท์มาให้เอง กะจะเปลืยนแต่ไม่รู้กดเปลื่ยนที่นั่งยังไง คิดว่าคงเป็นที่
บราวเซอร์ของ Firefox เลยกดยกเลิกแล้วเปิด Explorer ปรากฎว่าพอเปิด
มาดู อ้าวเช็คอินเข้าไปแล้ว เปลื่ยนไม่ได้แล้ว เซ็งเลยกู ต้องนั่งริมหน้าต่างตรง
ปีกพอดี เมื่อกี้ก็เิพิ่งเช็คไฟท์จากลอนดอน-กรุงเทพ คราวนี้ไม่โง่ เปิดเวปของ
seatguru ไว้ข้างๆ ในเวปนี้บอกที่นั่งไหนดี ตอนนี้ก็กดเลือกที่นั่งอย่างระวัง
แล้วก็ได้ที่นั่งที่ดูท่าว่าจะสบายมีบริเวณขากว้างและ ไม่ต้องข้ามใครไปเข้าส้วม
และคราวนี้ได้ยานอนหลับมาด้วย ก็หวังว่าคงได้หลับตลอดการเดินทาง

วัีนนี้ตื่นมาปวดเมือยไปทั้งตัวหลังจากเมื่อวานเล่นวอลเลย์บอล วันกีฬาของที่
ทำงาน ทำเอาหน้าดำไปเลย เพราะแดดเปรี้ยงมาก แต่ก็สนุกดีแข่งกับ 5 ทีม
ในสายเดียวกัน มีแพ้อยู่เกม ที่เหลือเสมอ ไม่เข้ารอบสอง แต่ก็ดีไม่เหนื่อย
แข่งเสร็จก่อนบ่ายโมง นั่งพักอยู่แป๊ปพอลุกโอ้ย ตะคริวกิน ทั้งสองน่องเลยกว่า
จะหายเงียะ นานเลย พอหายแล้วก็ไปอาบน้ำ ดันที่อาบน้ำ้เป็นห้องรวม โชคดี
ทีมตกรอบเร็ว เลยไม่มีใครมาออบด้วย รึบอาบใหญ่เลย

จากนั้นก็ถึงเวลาพักกินเบียร์และบาบิคิว สนุกสนาน อยากเอารูปมาลงแต่ขึ้เกียจ
เพราะต้องเดินทางพรุ่งนี้ ไว้ถ้ามีเวลาจะมาอัพทีหลัง ตอนนี้ยุ่งกับการแพ็คของ
กลัวลืมของ เพราะขี้ลืมประจำ ยิ่งอายุมากขึ้นยิ่งขึ้ลืม

ต้องไปเตรียมของ ต่อไปละ

23 May 2007

อารมย์ไม่แจ่ม


วันนี้พอกลับบ้านมาก็มีเรื่องให้ปวดหัว เซ็งๆเหมือนกัน แต่วันเสาร์นี้
ก็จะได้กลับเมืองไทยสะที จะได้ไปพักผ่อนให้หายเคลียด งานตอนนี้
ก็ได้รับมอบหมายให้ทำโปรเจคอื่น เริ่มมาตั้งแต่วันจันทร์ ก็ไม่ต้อง
ห่วงเรื่องการจ้างทำงานเท่าไหร่ คงได้ทำอีกยาวจนกว่าจะเลิกทำไปเองละ

พรุ่งนี้ต้องแหกขึ้ตาตื่นเช้าขึ้นเพราะเป็นวันกีฬา แต่ก็ดีที่ไม่ต้องทำงาน
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้เพราะปีก่อนเรายังไม่เริ่มงานช่วงที่มี
การแข่งกีฬา คราวนี้ได้ร่วมแข่งวอลเลย์บอล ก็ไม่รู้จะเป็นไง แล้วจะมา
เขียนทีหลัง

ง่วงแล้วไปนอนดีกว่า ต้องตื่นเช้าด้วย เฮ้อ

29 April 2007

แดด ลม ไร้ฝน


อาิทิืตย์นี้ได้หยุดติดต่อกัน 4 วัน เพราะพรุ่งนี่เป็นวันเกิดราชีนีองค์ก่อน
ที่นี่เขาให้เป็นวันหยุดราชการส่วนวันอังคารที่ 1 พค ปกติประเทศอื่น
ทั่วโลกเขาจะหยุดเนื่องจากเป็นวันแรงงาน ก็คงมีแต่ที่นี่ที่ไม่หยุด เราเอง
ก็เลยลาหยุดเอาเอง เนื่องจากโหยหาวันหยุดยาวๆอย่างงี้มานาน หลังจาก
ช่วงที่ผ่านมามีงานมากทั่วหัว ปวดหัวกับปัญหาแก้ไม่ตกสะที เบื่อเหมือน
กันบางที่ แต่ก็ดีที่มีงาน มีเืงิน เข้ามาไม่งั้นคงไม่มีปัญญาบินกลับเที่ยวเมือง
ไทยได้

เกือบเดือนที่ไม่ได้เข้ามาขีดเขียน บรรยายสภาพตัวเอง คงเป็นเพราะความ
เหนื่อยล้าจากการทำงานที่เจอเลยขาดความคิดที่จะเล่าเรื่อง ช่วงนี้อากาศดี
ไม่มีฝนมานานแล้ว เหลือเชืือ ปกติช่วงนี้ของปีที่นี่จะมีลมฝนปะปราย
แต่คงเป็นเพราะโลกที่ร้อนขึ้นื สภาพอากาศจริงเปลื่ยน ขนาดตอนนี้ร้อน
ขนาดนี้ หน้าร้อนนี้สงสัยจะร้อนตายแหง๋ ที่นี่บทจะร้อนก็ใช้ย่อยสะที่ไหน

เมื่อวานได้มีเวลาเก็บสวน ทำความสะอาด ตัดหญ้า หลังจากปล่อยรกมา
นาน อาจเพืื่อนบ้านเหมือนกันนะเนี่ย นี่ถ้าแถวนี้มีงู คงจะย้า่ยกันมาอยู่บ้าน
เรากันหมดแล้วละ โชคดีที่ไม่มีงู

อีกไม่ถึงเดือนก็บินกลับเมืองไทยอีกรอบละ คราวนี้จะได้บินผ่านลอนดอนอีก
คงได้ซื้ออะไรมากกว่คราวก่อน เพราะคราวนี้พอมีเงิน คราวก่อนเงียะ โน่น
ก็อยากได้ นี่ก็อยากมี แต่งานไม่มีเงิืนก็ไม่มา คราวนี้มีงาน พอมีเงิืนเก็บ+
เครดิตการ์ดที่เพิ่งได้มาก ก็คงได้จับจ่ายของที่ติดไว้คราวก่อนได้บ้าง ดีใจ
เหมือนกันที่จะได้บินผ่านลอนดอนอีก จริงๆแล้วก็เล็งว่าจะบินตรง
แต่ก็เปลื่ยนใจ ไม่เอาดีกว่าเพราะ ชอบแวะเที่ยวสนามบิน ไม่รู้ติดใจอะไรนัก
ตั้งใจว่าจะสะสม เที่ยวสนามบิน คราวหน้าคงเลือกสนามบินอื่น

เฮ้อ ไม่อยากใช้เวลาเขียนนาน เสียดายเวลา อากาศข้างนอกแดดเปรี้ยง
ท้องฟ้าสวยจน บอกไม่ถูก แต่ลมแรงก็เลยไม่อยากไปนั่งในสวน
เออ แค่นี้ดีกว่า ไปละ

30 March 2007

ปาเป้า


เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อเดือนก่อนที่ทำงาน โดยเฉพาะกลุ่มของเราเขาติดตั้ง
Darts หรื่อ เป้า ที่ห้องว่างชั้นที่เราทำงานอยู่ และก็มีการจัดการแข่งขัน
แบบมือสมัครเล่น มีไม่ถึงสิืบคน การแข่งขันก็ดำเนินแค่ 2-3 อาทิตย์
ก็จบลง เราเองกับเพื่อนร่วมงานที่สนิทกัน ก็นึกชอบเสนอหน้าไปลองปาเป้าเล่นดู
ทีแรกก็ยืม ลูกดอกของคนอื่นเขามา ยืมไม่นานเพราะเกรงใจตัดสินใจลงทุนหุ้น
เงินกันสองคนไปซื้อลูกดอกมาปาื สุดท้ายไปๆมาๆก็กลายเป็นผู้เข้าแข่งขันการปา
เป้าย่อยๆของที่ทำงาน เราเองปาไปปามาก็ติดใจ ลงทุนซื้อเป้ามาติดที่บ้าน
ซื้อลูกดอกใหม่เพื่อการแ่ข่งขัน เราเองก็ซ้อมปาอยู่ทุกวัน แข่งมาแล้ว 3 เกม
ชนะ 2 แพ้ 1 ยังเหลืออีกหลายเกม ก็ไม่คิดว่าจะมีโอกาสชนะแต่ก็ชนะไปแล้ว
แต่ยังต้องแข่งกับแชมป์และรองแชมป์เก่าอีก คงแย่เพราะเห็นฝือมือแล้ว มือใหม่
อย่างเราคงต้องกินใข่แหง๋ๆ แต่ก็สนุกดีื ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำแต่ทำได้ค่อนข้างดี
นะดูจากระยะเวลาืที่ฝึกฝนมา คงฝึกไปเรืื่อยๆเพราะเราก็ชอบเอาจริงๆสะด้วย



สิ่งที่ได้มาจากกิจกรรมนี้ ก็ไม่ใช่แค่ความสนุกสนาน เรายังได้ความสัมพันธ์์ที่
แน่นแฟ้นกับเพื่อนร่วมงานที่เป็นคนตัดสินเรื่องสัญญาจ้างงานของเรา แฮ่ื แฮ่
ก็ต้องมีบ้าง ทำงานหัวปักหัวปัม ไม่ร่วมกิจกรรม งานก็ไม่รุ่งนะสำหรับที่นี่
ทำงานพอดีๆ เอากิจกรรมด้วย ช่วยทำให้งานรุ่งมากกว่าื พูดถึงเรื่องกิจกรรม
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา 8 มีึึค มีงานเลี้ยงของที่ทำงาน ใหญ่โต และก็สนุกมาก
มีอาหาร เครื่องดื่ม ขนม เพียบ และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ ดนตรี ครั้งนี้เลิศ
ช่วงทานอาหารก็มีวงดนตรีจากเพื่อนร่วมงาน หลังจากนั้นก็มีวงดนตรีมาเล่น
พนักงานพากันเต้นหัวมันบนแดนส์ฟลอร์ เราเองก็เต้นตั้งแต่เริ่มจนจบ อยู่จน
เขาปิดไฟไล่ ก็สนุกดี ไม่เคยมีประสบการ์ณที่นี่อย่างนี้มาก่อน ก็ไม่ได้แค่ความสนุก
สนาน ยังได้ความสัมพันธ์ที่แน่นขึ้นกับเพื่อนร่วมงาน



ภาพพนักงานรัฐบาลฝ่ายภาษี เต้นกันพันลวัน เราเองก็ชิ่งมาแอบถ่ายรูป
แสงสีเนียะ เล่นเอาแสบตาไปหมด ปาร์ตีก็เลิืกเอา ห้าทุ่ม



กลัีบมาถึงบ้านวันนั้นเราเนียะเหนื่อยมาก วันถัดไปไปทำงาน ทำงานวันนั้นถึงแค่
บ่ายสองครึงแล้วก็กลับบ้า เพราะเหนือยมากๆ แต่ก็สนุกมากเช่นกัน ตอนนี้ก็
มีอีกวันที่ใกล้เข้ามาคือวันกีฬา 24 พค เราก็ร่วมกิจกรรมกับเขาอีกคราวนี้คือ
วอลเลย์บอล เฮ้อ คงเหนื่อยอีกเราการ แล้วคงได้เก็บภาำพมาลงอีก

แค่นี้ดีกว่า ง่วงละ พรุ่งนี้วันเสาร์จะได้นอนตื่นสายสะที ทำงานมาเต็มอาทิตย์
เหนื่อยจังเลย

21 March 2007

4 ปีที่ผ่านไป


เหลือเชื่อเหมือนกันว่า 4 ปีแล้วที่มาอยู่ที่นี่ื ตอนปีแรกที่มาไม่คิด
เลยว่าจะอดรนทนมาได้จนบัดนี้ ทั้งนี้อัีนเนื่องมาจากสภาพอากาศ
และอาหารที่ทำให้ประเทศนี้ไม่ค่อยน่าอยู่ แต่บัดนี้เราก็สามารถอยู่
มาได้จนบัดนี้

4 กว่าปีที่ผ่านไปกับการมาอยู่ที่นี่ ได้เรียนได้รู้ในหลายสิ่งซึ่งไม่
เคยที่จะคิดว่าจะได้มามีประสบการณ์ ปีแรกที่มาอยู่นั้นเต็มไปด้วย
ความตื่นเต้น ความอยากในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ภาษาใหม่ ไม่ต้องคิด
มากมายเรื่องการดำเนิืนชีวิตมากนัก พอเข้าสู่ที่สอง หลังเรียนภาษา
จบ เริ่มงงๆ กับชีวิต หลายครั้งได้ถามตัวเองว่า เรามาทำอะไรอยู่ที่นี่
งานก็หายากสำหรับคนต่างชาติที่ภาษาไม่คล่อง ชีวิตอยู่แบบเหมือน
ไม่มีจุดหมายยังไงก็ไม่รู้ ก็เริ่มหางาน ที่แรกก็กะไม่เกี่ยงงาน เพราะ
อยากได้ประสบการณ์และภาษาจะได้คล่องขึ้น เพื่อจะได้งานที่ดี
แต่ก็ยังไม่ได้ ทนพยายามหา ท้อมากเหมือนกันเวลาได้อีเมล์หรือ
โทรศัพท์ตอบปฎิเสธมา ก็พยายามไม่คิดมาก พยายามเข้มแข็ง และ
ก็โชคดีด้วยที่ช่วงนั้นเพื่อนเกลออยู่ไม่ไกล ก็ได้ช่วยคลายความรู้สึกแย่ๆ
ไปได้มาก พอปีที่สามเข้ามาอย่างรวดเร็ว ภาษาก็ได้พัฒนามากนัก
เพราะไม่ได้สื่อสารหรือได้ใช้ภาษาเท่าไหร่ ที่มีก็แต่การดูทีวี ช่วงกลาง
ปีที่สามนี้ ก็โชคดีสมัครงานไปงานนึงผ่านเอเย้นจัดหางาน โทรศัพท์ติืด
ต่อมาให้ไปสัมภาษณ์ ปรากฎต้องเริ่มงานอาทิตย์ถัดไปเลย เร็วมาก
ตื่นเต้น และกลัว เหมือนฟ้าสร้างเรามาให้คู่กัน ได้งานที่เดียวกับ เจ้า
เกลอสโนว์ ที่ยิ่งไปกว่านั้น อยู่ยุนิทเดีัยวกันอีก แค่คนละกลุ่ม แค่อยู่ที่
ทำงานเดียวกันได้ก็เหลือเชื่อละ ดันได้มาอยู่ยูนิืทเดียวกันจากทั้งหมด
4 ยูนิท บางทีสื่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นได้ จากวันนั้นถึงวันนี้เรายังทำงาน
อยู่ที่เดิม แม้เพื่อนเกลอจะไม่ได้ทำงานที่เดียวกัน หรืออยู่ประเทศเดียว
กันอีก เรารู้สึกภูมิใจตัวเองเหมือนกันว่าเราก็ทำได้นะ จากวันแรกที่เริ่ม
งานกลัวมาก มันคงไม่มีการเริ่มงานอันไหนที่จะน่ากลัวเท่าอันนี้สำหรับ
-คนไทยที่ไม่ใช่นักเรียนนอก
-ภาษาใหม่ที่ใช้่เวลาเรียนแค่ปีเดียว
-ไม่เคยทำงานกับฝรั่งในเมืองฝรั่ง

วันนี้ก็รู้สึกภูมืใจในตัวเองอีกระดับนึงที่สามารถเอาตัวรอด อาศัยทำงาน
หนัก อัธยาศัยดี พยายามเรียนรู้ และปรับตัวตามสังคมของคนที่นี่ เท่านี้
ก็ทำให้คนที่นี่ยอมรับคนไทยอย่างเราได้ไม่ยาก คงได้ทำงานต่อที่นี่อีก
ยาว เพราะเราเองก็ค่อนข้างมีความสุขกับเพื่อนร่วมงานหลายคนเหมือนกัน
ปีที่สี่นี้เราก็หวังว่าชีวิตในหลายๆอย่างจะเข้ารูปเข้ารอย ปีหน้ามีนาคมก็ขอ
สัญชาติของที่นี่ได้แล้วเพราะจะอยู่ครบ 5 ปี ก็คงยุ่งเรื่องเอกสารการขอ
สัญชาติและการขอเก็บสัญชาติเดิม

เอ้อเหนื่อยละ พรุ่งนี้ยังมีงานอีกเยอะ

09 February 2007

สโนว์หายไปไหน


หวังจากที่ไม่ได้ข่าวคราวอะไรจากแกก็เริ่มๆเป็นห่วง
เพราะเห็นไม่ได้เขียนอะไรที่บล็อกมานานแล้วแถมไม่ตอบ
อีเมล์ด้วย ก็เลยตัดสินใจคนหาเบอร์โทรจากเนท ตามที่อยู่
ที่ให้ไว้ ก็เลยพบเบาะแส ลองโทรไปตอนแรกคนที่รับสาย
บอกไม่มีคนชื่อนี่ที่นี่ ตกใจเอะเกิดอะไรขึ้น คนดูเบอร์ใหม่
ปรากฎจดเบอร์ผิดไปตัว สุดท้ายก็ติดต่อได้ แต่พอดีแกหลับ
(ตามที่เบ็นบอก) ก็เลยไม่ได้คุย เอะ หรือเบ็นฆ่าหมกแกไปละ
ยังไงก็รีบมาตอบละ ยังเป็นห่วงอยู่
ช่วงนี้โดนเร่งงาน จริงๆแล้วของกลุ่มเราไม่มีงานค้างหรอก
โดนเร่งงานร่วมๆสะมากกว่า สองวันที่ผ่านมา ให้เคลียร์ Klacht
เพราะมีปัญหาโดนร้องเรียนออกรายการทีวี เราเลยต้องโดน
แก้ปัญหา Klacht ไปด้วย เคลียร์ไปสองเคส เซ็งไม่หาย พูดก็
ไม่รู้เรื่องกันเท่าไหร่นัก มั่วไปมั่วมาก็จบ
ทำงานมาได้แปดเดือนละ เฮ้อ ปัญหาก็ยังคงมาไม่ขาดสาย
แถมข่าวร้าย ส่งสัยส่วนงานของเงินเลี้ยงดูบุตรจะย้ายงานมา
ที่นี่ด้วย สิ้นปีนี้คงได้เริ่ม ไม่รู้เราจะอยู่ต่อหรือเปล่าเลยกับงานนี้
ปวดหัวเหมือนกัน กับปัญหาเดิมๆที่แก้ไม่รู้จักจบจักสิ้น ถ้าไม่เพราะ
อยากได้เงินก็คงออกไปสะนานละ ก็ทนๆทำไป
อากาศอาทิตย์ที่ผ่านมา ในที่สุดหิมะของปีก็ตกสะที คิดว่าจะไม่
มีหน้าหนาวสะละ หลังจากที่อุณหภูมิเฉลี่ยของเดือนมกราคมสูง
สุดในรอบสามร้อยปี เฮ้อ เราเองก็ไม่รู้สึกว่าอยู่ในหน้าหนาวเท่า
ไหร่ในเดือนมกรา เดือนนี้ก็หนาวขึ้นหน่อยแต่ก็ไม่นาน เห็นว่า
อุณหภูมิจะขยับสูงขึ้นอีก เฮ้อ สงสัยโลกเราจะแตกเร็วๆนี้
พอดีกว่าคืนนี้อยากดูหนังการ์ตูนที่ดาวโหลดมา ไม่อยากนั่งเขียน
บล็อกนาน เออถ้า ป้าสโนว์เข้ามาอ่านก็อย่าลืม รายงานสถานการณ์
มาด้วยละ เพราะเป็นห่วง

31 January 2007

ยุ่งไปหมด


ก็มาถึงสิ้นเดือนมกราคมละ เดือนนี้ยุ่งหัวบานงายเยอะ
กลับมาบ้านก็ไม่มีอารมย์จะขีดเขียนเรื่องราวเท่าไหร่นัก
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ปวดหัวกัีบงาน ปัญหาเก่าค้างคาแ้ก้่ไม่
ตกปัญหาใหม่ตามมา เบื่อวะ แต่คิดไปก็ดีกว่าไม่มีงานละ

อากาศเมื่ออาทิตย์ก่อนก็หนาวจัด แต่ไม่มีหิมะแถวนี้ แปลก
นะปีนี้ ตั้งแต่เข้าหน้าหนาวมายังไม่เจอหิมะ แม้กระทั้ง
อากาศที่เย็นจัดก็เจอแค่อาืทิตย์เดียว ไม่รู้เหมือนกันว่าเดือน
หน้าจะเป็นยังงัย วันนี้อากาศยังเกือบสิบองศาเลย แต่ลมแรง
ทำให้หนาวกว่าปกติื

ไปละ สั้น หิวข้าว เหนื่อย ง่วงด้วย

11 January 2007

ใกล้สุดสัปดาห์


พรุ่งนี้ก็วันศุกร์ละ ดีใจจังเลย อาทิตย์นี้เป็นอาทิตย์ที่ทำงาน 5 วัน
หลังจากปีใหม่เพราะสองอาทิตย์ที่ผ่านมาทำงานแค่ 3 วันแต่ได้
เงินวันหยุดเทศกาล เราเองช่วงวันหยุดก็ไม่ได้ทำอะไรที่อยากทำ
มากมาย เพราะต้องไปเบลเยี่ยมทั้งปีใหม่และคริสมาสที่ผ่านมา
แต่ก็ไม่อยากไปคิดถึงมันละ

ช่วงนี้หักหามใจลำบากกับของลดราคา เมื่ออาทิตย์ก่อนซื้อแจกเก็ต
ยาวสวยหรูมาจาก MEXX วันนี้ก็ไปซื้อกางเกงมาจาก MEXX อีกตัว
เฮ้อ แต่ก็นานๆทีจะลดครึ่งราคา เราเองก็บ้าเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า
นี้ยังไม่ได้รองเท้านะเนี่ย ห้ามใจยังอยู่ ส่วนกระเป๋าอาจจะตัดสินใจ
ซื้อสิ้นเดือนนี้ รอไปคิปลิ้งที่เบลเยี่ยม แต่อาจจะไม่รอไปคว้ากระเป๋า
ของ MEXX ที่เล็งไว้ เสียดายไม่ลดราคาเลยไม่ตัดสินใจซื้อ ช็อป
ช็อป เบื่อจังกระตังค์เบาหวิวเนี่ย แต่ก็ได้ของที่คุ้มค่า คุ้มราคา ดีกว่า
ไปคว่าของถูกๆมาแต่ใส่ได้ไม่นาน ดูเหมือนเป็นคนใจง่ายนะ แต่ไม่
ใช่ หาถ้าคนที่ไปช็อปด้วยคงจะรู้ว่ากว่าจะตัดใจซื้อกางเกงใหม่ได้
ก็กินเวลาไปอยู่พักนึง แต่แจ็กเก็ตเมื่ออาทิตย์ก่อน เห็นปุ๊ปก็ซื้อปั๊ป
เพราะเหลือตัวเดียว ขนาดของตัวเราพอดี แถมเป็นสไตล์ที่หามานาน
ในที่สุดก็ได้ ไว้รอออกงานแล้วจะคว้ามาใส่ ตอนนี้แขวนใหม่ไว้ในตู้
เสื้อผ้าก่อน ตอนนี้ก็เลยกลายเป็นลูกค้าหลักของร้าน MEXX เลย
สมัครสมาชิกแล้วด้วย เริ่มสะสมแต้มละ เราว่าเสื้อผ้าของ MEXX
เนี่ยใช่เลยสำหรับเรา

เมื่อวานก็เกือบคว้าเสื้อของ TOMMY กับ Diesel มาละ แต่ห้ามใจ
ไว้ได้ พอดีไปเดือนห้าง Bijenkof มา ห้างเล็กแต่ของดีมียี่ห้อ
เราก็ไม้ได้ซื้ออะไร กะไปแถวนั้นหาของกินร้านประจำ ปรากฎเต็ม
รอคิวก็ไม่ไหวเพราะคิวยาว เลยต้องเปลื่ยนใจไปร้านอาหารอินเดีย
ไม่เคยกินร้านนี้มาก่อน พอได้ลองแล้วตัดสินใจเลยว่าจะไม่กลับมา
กินอีก อาหารเป็นเซ็ตราคาดูไม่แพง แต่ให้น้อยมาเลยกลายเป็นแพง
เมื่อเทียบกับราคา แถมไม่อร่อยเท่าไหร่ เท่านั้นยังไม่พอ พอกลับมา
ถึงบ้านเกิดอาการคลื่นใส้ สงสัยอาหารจะทำพิษ โชคดีวันนี้ไม่ป่วย
ไม่อยากป่วยและไม่เคยป่วยด้วยตั้งแต่ทำงานมา เพราะเสียดายเงิน

ดาวโหลดการ์ตูนอยู่ตอนนี้ หลังจากนินจานารุโต ไม่มีให้ดาวโหลด
เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา และเผอิญไปเจอการ์ตูนเรื่อง Witch Hunter
Robin มีแค่ 26 ตอน เห็นเป็นที่นิยมที่อเมริกาเหมือนกันเลยเริ่ม
ลองดาวโหลดมาดู หวังว่าคงสนุก เอ้อ ยาวละแค่นี้ละกัน

07 January 2007

ตั้งแต่ปีใหม่


ไม่ค่อยได้มีอารมย์มาขีดเขียนเลย ปีใหม่ที่ผ่านมาก็เดิมๆ
ไม่มีอะไรมากมาย อากาศก็เปียกแฉะ แต่คนที่นี่ก็ไม่ยั่น ที่
จะออกมาจุดดอกไม่ๆไฟเฉลิมฉลอง เราเองไม่ค่อยตื่นเต้น
นักทั้งดอกไม้ไฟและปีใหม่ สิ่งที่หวั่นคือเรื่องที่ต้องแก่ตัวลง
อีกปี เฮ้อทำไม่คนเราต้องแก่ตัวลงกันด้วย

งานช่วงนี้ก็เข้าที่เข้าทางดี มีงานตลอดแต่ก็มีปัญหาที่แก้ไม่
ได้อยู่เรื่อยๆ ก็ชินแล้วละเพราะทำไงได้ละ สงสานแต่ประชาชน
ที่รอเงินอยู่ ก็คงต้องรอกันต่อไป

ช่วงนี้สินค้าลดราคา ทำเอาเราตัวเบาไปเยอะเพราะโน่นก็
อยากได้ นี่ก็ดูดี เฮ้อหมดไปแล้วหลายตังค์ละกับเสื้อผ้าเนี่ย
คงต้องหัดใจแข็งให้มากละ